นาง Cecilia Todesca Bocco นักเศรษฐศาสตร์ชาวอาร์เจนตินา ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอาร์เจนตินา ได้อธิบายกับสถานีโทรทัศน์ช่อง CSN ว่าการส่งออกของอาร์เจนตินาเติบโตในอัตราที่แข็งแกร่งและการนำเข้าก็เติบโตขึ้นอย่างมากเช่นเดียวกัน มีความน่าสนใจอย่างยิ่งที่อาร์เจนตินาสามารถเข้าไปมีส่วนร่วมในตลาดต่างประเทศได้มากขึ้น โดยจากการฟื้นตัวของการส่งออกในอาร์เจนตินาอย่างแข็งแกร่งนั้น ทำให้การส่งออกมีมูลค่าทั้งสิ้นกว่า 65 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ภายในระยะเวลาเพียง 10 เดือนของปี 2564 เท่านั้น ในส่วนของการนำเข้าของอาร์เจนตินามีมูลค่าอยู่ที่ประมาณ 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯต่อเดือน ซึ่งในปี 2562 มีการนำเข้าประมาณ 4 พันล้นเหรียญสหรัฐฯ โดยปัจจุบันสินค้าที่อาร์เจนตินานำเข้าส่วนใหญ่ ได้แก่ ปัจจัยเพื่อการผลิต เครื่องจักรและอุปกรณ์ และสินค้าทุน เป็นต้น สินค้าที่อาร์เจนดินาส่งออก ได้แก่ สินค้าธุรกิจบริการเทคโนโลยีสารสนเทศ (knowledge-based services) ภาคอุตสาหกรรมยานยนต์ซอฟต์แวร์ ธุรกิจบริการ เทคโนโลยีชีวภาพ เทคโนโลยีการเกษตร ซึ่งภาคส่วนดังกล่าวเป็นภาคส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมาก ตลอดจนยังสร้างงานใหม่จำนวนมากอีกด้วย

ทั้งนี้ นาง Ceila Todeca Bocco อธิบายเพิ่มเติมว่า ทีมงานของพวกเขาได้เดินทางไปพบปะกับบริษัทยูนิคอร์นและบริษัทสตาร์ทอัพ โดยมีเป้าหมายเพื่อรับฟังบริษัทและนักธุรกิจถึงอุปสรรคและโอกาสของอาร์เจนตินาในตลาดโลก โดยที่กระทรวงการต่างประเทศสามารถทำงานร่วมกับกระทรวงต่างๆ อาทิ กระทรวงการเกษตรกระทรวงการพัฒนาผลผลิต กระทรวงวิทยาศาสตร์ และเทคโนโลยี เป็นต้น เพื่อช่วยให้บริษัทยูนิคอร์นและบริษัทสตาร์ทอัพอาร์เจนตินาเติบโตต่อไป

สำหรับสินค้าเทคโนโลนีในภูมิภาคลาดินอเมริกา บราชิลเป็นประเทศที่มีบริษัทยูนิคอร์นมากที่สุด จำนวนทั้งสิ้น 20 บริษัทอาร์เจนดินา จำนวน 11 บริษัท เม็กชิโก โคลอมเบีย ชิถี และอุรุกวัย ตามลำคับ ซึ่งบริษัทเหล่านั้นมีมูลค่ามากกว่าหนึ่งพันล้านเหรียญสหรัฐฯ ดังนั้น เศรษฐกิจฐานความรู้จึงกลายเป็นกุญแจสำคัญสำหรับเศรษฐกิจภายในประเทศอาร์เจนตินาโดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงของการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส COVID-19 ที่เศรษฐกิจฐานความรู้ (Knowledge Economy) นับเป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่ดีเยี่ยมสำหรับการส่งออกสินค้าบริการ นอกจากนี้ อาร์เจนดินายังเป็นประเทศที่มีการใช้อีคอมเมิร์ซและการซื้อสินค้าผ่านช่องทางดิจิทัลเดิบโตสูงสุดในโลก ทั้งนี้ การเดิบโดอย่างต่อเนื่องของบริษัทยูนิคอร์นและสดาร์ทอัพในประเทศอาร์เจนตินาโดยเฉพาะในภาคส่วนซอฟต์แวร์ ธุรกิจบริการ เทคโนโลยีชีวภาพ และเทคโนโลยีการเกษตร ที่ทั้งบริษัทอาร์เจนตินาและผู้ประกอบการไทยควรให้ความสำคัญในการร่วมมือทำการค้าหรือการร่วมทุน (Jint Ventures) อาทิ โครงการ Muimedia Online Virtual Exhibition (MOVE) ที่มีการประชาสัมพันธ์กลุ่มอุตสาหกรรมดิจิทัลคอนเทนต์และส่งเสริมผู้ประกอบการในกลุ่มภาพยนตร์ ภาพยนตร์แอนิเมชั่น โสตทัศนูปกรณ์ และบริการที่เกี่ยวเนื่องผ่านช่องทางออนไลน์ ซึ่งจะทำให้บริษัททั้งสองฝ่ายมีแพลตฟอร์มการทำงานร่วมกันระหว่างไทยและอาร์เจนตินา โดยการส่งเสริมกิจกรรมเจรจาการค้า OBM: หรืองานแสดงสินค้าอาจเป็นที่สนใจและเป็นกิจกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อทั้งสองประเทศ และจะทำให้บริษัทอาร์เจนตินารู้จักสินค้าและการบริการของไทยมากยิ่งขึ้น สำหรับบริษัทเทคโนโลยีของไทยมีโอกาสสูงที่จะเข้าสู่ตลาดอาร์เจนดินา เนื่องจากตลาดดิจิทัลคอนเทนต์และตลาดอีคอมเมิร์ซในอาร์เจนตินากำลังเติบโตอย่างมากที่สุดในโลก

ข้อมูลทั่วไปของนาง Cecilia Todesca Bocco ปัจจุบันดำรงตำแหน่งเลขาธิการความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่างประเทศอาร์เจนตินา อดีตดำรงตำแหน่งเป็นรองประธานเสนาธิการและสิ้นสุดการดำรงตำแหน่งลงในวันที่ 21 กันยายน 2564 นาง Cecilia Todesca Bocco สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี คณะเศรษฐศาสตร์มหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส และปริญญาโทด้านการบริหารรัฐกิจ มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา หลังจากที่จบการศึกษา เริ่มทำงานที่มูลนิธิการวิจัยเพื่อการพัฒนา (FIDE) ต่อจากนั้นได้เริ่มทำงานกับธนาคารกลางของสาธารณรัฐอาร์เจนตินา (BCRA) และได้เข้ามาทำงานในฝ่ายบริหารของรัฐบาลชุดประธานาธิบดีนาย Aberto Femandez ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 ระหว่างทำงานที่สำนักงานเลขานุการความสัมพันธ์เศรษฐกิจระหว่างประเทศ เธอดำรงตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายเจรจาการค้าของอาร์เจนตินา อีกทั้งหัวหน้าฝ่ายความสัมพันธ์กับองค์กรการค้าโลก (WT0) ตลอดจนสนับสนุนและปรับปรุงยุทธศาสตร์การส่งออกของอาร์เจนตินา

บทวิเคราะห์ผลกระทบต่อประเทศไทย

ในปี 2564 (เดือนมกราคม – ตุลาคม) อาร์เจนตินานำเข้าสินค้าจากตลาดโลกมูลค่ารวมทั้งสิ้น 43,263 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ประเทศที่อาร์เจนตินานำเข้าหลัก 5 ประเทศ ได้แก่ จีน ร้อยละ 20.2 บราซิล ร้อยละ 20 สหรัฐอเมริการ้อยละ 9.5 ปารากวัช ร้อยละ 5.3 และเยอรมนี ร้อขละ 4.2 ไทยจัดอยู่ในอันดับที่ 6 คิดเป็นร้อยละ 2.5 หรือคิดเป็นมูลค่า 1,085 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จัดอยู่ในอันดับที่ 2 ของกลุ่มประเทศเอเชียที่ส่งออกไปยังอาร์เจนตินาโดยเป็นรองจีน และจัดอยู่อันดับก่อนหน้าอินเดีย โดยสินค้า 5 รายการหลักที่อาร์เจนตินานำเข้าจากไทยในปี 2564 (เดือนมกราคม-ตุลาคม) ได้แก่ (1) เครื่องยนต์ดีเซลและชิ้นส่วน ร้อยละ 18.6 (2) ชิ้นส่วนและอุปกรณ์ตกแต่งรถยนต์ ร้อยละ 15.5 (3) ถุงมือยางทางการแพทย์ ร้อยละ 2.2 (4) ชิ้นส่วนเบาะนั่งรถยนต์ ร้อยละ 2.1 และ (5) ชิ้นส่วน/อุปกรณ์ระบบหน่วยความจำ (Memory drives magnetic disks) ร้อยละ 1.9 และผลิตภัณฑ์หลักที่อาร์เจนตินาส่งออกไปยังประเทศไทยในปี 2564 (เดือนมกราคม-กันยายน) ได้แก่ (1) อาหารทะเลแช่แข็ง ร้อยละ 21 (2) เครื่องหนัง ร้อยละ 16.3 (3) เศษอาหารที่เหลือจากอุตสาหกรรมอาหาร (Food industry waste) ร้อยละ 14.8 (4) ข้าวสาลีสำหรับหว่าน ร้อยละ 10.1 และ (5) เนื้อวัว ร้อยละ 8 เป็นต้น

รัฐบาลปัจจุบันชุดประธานาธิบดีนาย Alberto Femnandez ที่เข้ารับตำแหน่งในปี 2562 มีนโยบายส่งเสริมการผลิตในท้องถิ่น โดยได้กำหนดข้อจำกัดบางประการในการนำเข้า อาทิ ใบอนุญาตนำเข้าแบบไม่อัตโนมัติ (Non Automatic Licenses) ลดระยะเวลาของพิธีการนำเข้าจาก 180 วันเป็น 90 วัน ในขณะที่บางขั้นตอนยังคงใช้เป็นการนำเข้ารูปแบบเดิม ซึ่งใบอนุญาตดังกล่าวกำหนดไว้เพื่อกีดกันการนำเข้าที่มุ่งเน้นไปยังสินค้าอุปโภคบริโภคแต่ไม่ได้มีไว้สำหรับสินค้าชิ้นส่วน/ส่วนประกอบและวัสดุสิ้นเปลืองที่จำเป็นสำหรับการผลิตในท้องถิ่นนอกจากนี้ ภาษีนำเข้าในบางผลิตภัณฑ์สูงมาก อาทิ ภาษีนำเข้าเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านจากเดิมอยู่ที่ร้อยละ 14ปรับขึ้นเป็นร้อยละ 35 ทั้งนี้ ในระหว่างการบริหารงานของรัฐบาลชุดปัจจุบัน มีการสอบสวนการทุ่มตลาดจำนวนมาก ซึ่งทำให้มีค่าใช้จ่ายด้านภาษีนำเข้าเพิ่มเติมสำหรับผลิตภัณฑ์บางประเภทจากไทย เช่น กระเบื้องโมเสค แก้ว เครื่องปรับอากาศ ยางรถจักรยาน และลูกเทนนิส เป็นต้น

อย่างไรก็ดี เนื่องจากในอาร์เจนตินามีการขาดแดลนเงินเหรีญสหรัฐฯ จึงส่งผลให้อุปสรรคทางด้านการค้าระหว่างประเทศไม่ได้มีเพียงภาษีนำเข้าเท่านั้น แต่ในปัจจุบันยังมีภาษีสำหรับการส่งออกวัตถุดิบบางประเภทอีกด้วย ได้แก่ ถั่วเหลือง ร้อยละ 33 น้ำมันถั่วเหลืองและแป้งถั่วเหลือง ร้อยละ 31 ในส่วนของข้าวโพคและข้าวสาลีภาษีส่งออกร้อยละ 12

ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะ

รัฐบาลอาร์เจนตินาสั่งการผ่านธนาคารกลางให้ดำเนินการผ่อนคลายมาตรการชำระเงินล่วงหน้าสำหรับการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป ส่งผลให้ข้อร้องเรียนจากผู้นำเข้าจากภาคอุตสาหกรรมต่างๆ ผ่อนคลายและปรับตัวลดลง โดยข้อร้องเรียนจากผู้นำเข้ามีสาเหตุเนื่องมาจากปัญหาด้านการขาดแคลนวัสดุนำเข้าที่จำเป็นในห่วงโซ่การผลิต โดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้ายมายังอาร์เจนตินาจึงเป็นเหตุผลที่รัฐบาลอาร์เจนตินาผ่อนคลายมาตรการนำเข้า อนึ่ง รัฐบาลพยายามที่จะลดปริมาณการนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมในประเทศ

อย่างไรก็ดี ในส่วนของปัญหาด้านโลจิสติกส์ ก่อนเกิดการแพร่ระบาคของเชื้อไวรัส COVID-19 ราคาตู้คอนเทนเนอร์จากไทยมีราคาอยู่ที่ประมาณ 1,500 เหรียญสหรัฐฯต่อตู้คอนเทนเนอร์ ปัจจุบันราคาอยู่ที่ประมาณ 12,000 เหรียญสหรัฐฯต่อตู้คอนเทนเนอร์ นอกเหนือจากนี้ บริษัทผู้นำเข้ายังต้องจ่ายค่าตรวจสอบภาษีการนำเข้าเนื่องจากไทยไม่ได้จัดอยู่ในประเทศที่มีข้อตกลงกับสาธารณรัฐอาร์เจนตินาในการแลกเปลี่ยนข้อมูลภาษีกับกรมศุลกากรอาร์เจนตินา ดังนั้นเมื่อมีการนำเข้าสินค้าจากไทยจำเป็นต้องจัดทำรายงานการตรวจสอบการชำระภาษีการนำเข้า สำหรับบริษัทขนาดใหญ่อาจไม่ส่งผลกระทบด้านค่าใช้จ่ายดังกล่าว แต่สำหรับบริษัทที่มีความประสงค์จะนำเข้าสินค้าจากไทยเป็นครั้งแรก นับเป็นอุปสรรคอีกประการหนึ่งที่ผู้นำเข้าอาร์เจนตินาใช้พิจารณาการนำเข้าสินค้าจากไทย ซึ่งไทยสามารถผลิตและส่งออกส่วนประกอบและชิ้นส่วนสินค้าที่จำเป็นสำหรับการผลิตในท้องถิ่นอาร์เจนตินาได้โดยสอดคล้องกับนโยบายที่รัฐบาลตั้งเป้าไว้ร่วมกับบริษัทผู้ผลิตอาร์เจนตินา ซึ่งรัฐบาลอาร์เจนตินาเน้นการเติบโตของการส่งออกหมายความว่าการนำเข้าจำเป็นต้องเติบโตตามไปด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสินค้า อาทิ ปัจจัยการเพื่อ/เพื่อการผลิต เครื่องจักร และสินค้าทุนสำหรับอุตสาหกรรมในท้องถิ่น นอกเหนือจากผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปบางประเภท

สินค้าไทยที่มีศักยภาพเข้าสู่ตลาดอาร์เจนตินาในปัจจุบัน ได้แก่
1) อาหารแปรรูปกระป๋อง ได้แก่ ปลาทูน่ากระป๋อง และปลากระป๋อง ภาษีนำเข้า ร้อยละ 16 สับปะรดกระป๋องภาษีนำเข้า ร้อยละ 14
2) ชิ้นส่วนอะไหล่/อุปกรณ์รถยนต์ ได้แก่ ชิ้นส่วนเบาะนั่งรถยนต์ กันชน เครื่องยนต์ และอะไหล่สำหรับช่วงล่างภาษีนำเข้า ร้อยละ 14 – 18
3) ชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน ได้แก่ ชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ ชิ้นส่วนไมโครเวฟ ชิ้นส่วนเครื่องซักผ้าชิ้นส่วนเตารีด และชิ้นส่วนพัคลม ภาษีนำเข้า ร้อยละ 14 – 18
4) เครื่องประดับเงิน ได้แก่ แหวน กำไล จี้ และโซ่คล้องคอ ภาษีนำเข้า ร้อยละ 18
5) ของตกแต่งบ้าน ได้แก่ โคมไฟ ภาษีนำเข้า ร้อยละ 18 เฟอร์นิเจอร์ Outdoor ภาษีนำเข้า ร้อยละ 18 – 35 เคหะสิ่งทอ ผ้าปูที่นอนและผ้าห่ม ภาษีนำเข้า ร้อยละ 35
6) เสื้อผ้าชุดกีฬา ภาษีนำเข้า ร้อยละ 35

ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสเชื่อมต่อกับบริษัทคู่ค้าในอาร์เจนตินามากขึ้น แม้ว่าการเติบโตของเศรษฐกิจและการบริโภคจะขึ้นอยู่กับตัวแปรหลายอย่าง แต่หลายภาคอุตสาหกรรมของอาร์เจนตินาปรับตัวดีขึ้นและระดับกิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว โดยชิ้นส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน/ครัวเรือน ชิ้นส่วนรถยนต์ ชิ้นส่วนรถจักรยานยนต์ ชิ้นส่วนเครื่องปรับอากาศ และยางพารา เป็นต้น เป็นภาคอุตสาหกรรมที่ผู้ประกอบการ ไทยควรให้ความสำคัญเพื่อเพิ่มยอดการส่งออกสินค้าดังกล่าวไปยังอาร์เจนตินาในปี 2564

ที่มาข้อมูล : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบัวโนสไอเรส (ธันวาคม 2564)
www.Telam.com.ar “Todesca Bocco: “Las exportaciones y las importaciones crecen a un rilmo muy fuerte”, December 2, 2021

_____________________________________________
Website : http://ditp-overseas.com
Facebook: https://www.facebook.com/ditpoverseas
Youtube : https://bit.ly/36fT76e

#DITP #OMD2 #สพต2