สำนักข่าว Reuters รายงานว่าประเทศในกลุ่มลาตินอเมริกา อาทิ ชิลี โคลอมเบีย และอาร์เจนตินา ต่างออกมาเรียกร้องให้รัสเซียยุติสงครามและถอนทหารจากยูเครน โดยนาง Carolina Valdivia รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศของชิลีได้กล่าวว่าชิลีเป็นประเทศที่ไม่สนับสนุนความรุนแรงและขอเรียกร้องให้รัสเซียคืนอำนาจอธิปไตยแก่ยูเครนพร้อมถอนกำลังทหารออกจากยูเครนโดยเร็ว

นอกจากนี้ El Mercurio สำนักงานข่าวท้องถิ่นรายหลักของชิลีได้รายงานและวิเคราะห์ผลกระทบของสงครามครั้งนี้ โดยระบุว่ารัสเซียเป็นประเทศที่ส่งออกน้ำมันเชื้อเพลิง แก๊สธรรมชาติ และข้าวสาลีรายใหญ่ของโลก ซึ่งการคว่ำบาตรทางการค้าต่อรัสเซียจากนานาประเทศ ส่งผลให้ราคาสินค้าดังกล่าวในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าชิลีจะไม่ได้รับผลกระทบต่ออุปทาน (Supply) สินค้าดังกล่าวโดยตรง เนื่องจากมีการนำเข้าข้าวสาลีจากประเทศอาร์เจนตินา แคนาดา สหรัฐอเมริกา และปารากวัยเป็นหลักและจะไม่ส่งผลกระทบต่ออุปทาน (Supply) ก็ตาม แต่ราคาสินค้าหลักในตลาดโลกที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ยังคงซ้ำเติมปัญหาค่าครองชีพและปัญหาเงินเฟ้อที่ชิลีกำลังประสบอยู่มาก่อนหน้านี้  ในส่วนของความสัมพันธ์ทางการค้า El Mercurio ระบุว่าในปี 2564 การค้าระหว่างชิลี-รัสเซีย มีมูลค่า 819 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายตัวเพิ่มขึ้น 7.7% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดยแบ่งเป็นการส่งออกไปยังรัสเซียที่ 621 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้น 4.1% ซึ่งสินค้าปลาแซลมอนเป็นสินค้าหลักที่ส่งออกไปยังรัสเซีย และสำหรับการนำเข้าของชิลีจากรัสเซีย พบว่ามีมูลค่าที่ 157 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสินค้าถ่านหินเป็นสินค้าหลักที่ชิลีนำเข้าจากรัสเซียมากที่สุด  

นาง Bernardita Silva ผู้อำนวยการฝ่ายการศึกษาและวิเคราะห์ของสภาหอการค้าแห่งชาติชิลี (Cámara Nacional de Comercio) ให้ความเห็นว่าสงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนอาจไม่ส่งผลกระทบต่อชิลีอย่างมีนัยสำคัญ แต่ปัญหาที่ชิลีจะต้องเจออย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้คือ ราคาน้ำมันในตลาดโลกที่เพิ่มสูงขึ้น ย่อมส่งผลให้ราคาสินค้าอื่น ๆ ปรับเพิ่มขึ้นตามไปด้วย

ทั้งนี้ จากการประเมินของ Bloomberg , BP Statistical Review , FAO , World Bureau of Metal Statistics และ USGS (รวบรวมโดย The Economist) พบว่า รัสเซียเป็นผู้ผลิตและส่งออกทรัพยากรหลัก ได้แก่ แพลเลเดียม (ใช้ในอุตสาหกรรมเครื่องประดับและทันตกรรม) แก๊สธรรมชาติ น้ำมัน ข้าวสาลี และอะลูมิเนียม โดยการผลิตทรัพยากรดังกล่าวของรัสเซียมีส่วนแบ่งปริมาณผลผลิตในตลาดโลก ในปี 2563 ดังนี้

– แพลเลเดียม มีสัดส่วน 43% ของปริมาณผลผลิตโลก
– แก๊สธรรมชาติ มีสัดส่วน 17% ของปริมาณผลผลิตโลก
– น้ำมัน มีสัดส่วน 12.1% ของปริมาณผลผลิตโลก
– ข้าวสาลี มีสัดส่วน 11% ของปริมาณผลผลิตโลก
– อะลูมิเนียม มีสัดส่วน 5.6% ของปริมาณผลผลิตโลก

ซึ่งหลังจากที่รัสเซียมีการเปิดสงครามกับยูเครนเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 สินค้าที่กล่าวมาข้างต้นมีการปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นทันที (เปรียบเทียบราคา ณ วันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 กับ วันที่ 4 มกราคม 2565) ดังนี้  
– ราคาแพลเลเดียมและน้ำมัน ปรับเพิ่มขึ้น 21 – 25%
– ราคาแก๊สธรรมชาติ ปรับเพิ่มขึ้นประมาณ 50%
– ราคาข้าวสาลีปรับเพิ่มขึ้น 20%
– ราคาอะลูมิเนียมปรับเพิ่มขึ้นเกือบ 20%

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสจากมหาวิทยาลัย Diego Portales ของประเทศชิลี ได้ให้ความเห็นว่าสถานการณ์เงินเฟ้อและค่าครองชีพในชิลีจะเลวร้ายมากขึ้น เนื่องจากชิลีเป็นประเทศที่ต้องพึ่งพาการนำเข้าเป็นหลัก โดยเฉพาะสินค้าในกลุ่มพลังงานเชื้อเพลิง และวัตถุดิบต่าง ๆ ดังนั้นการที่ราคาน้ำมันในตลาดโลกมีการปรับตัวสูงขึ้น ย่อมทำให้ค่าขนส่งสินค้าแพงขึ้น ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น ซึ่งจะซ้ำเติมปัญหาเงินเฟ้อที่ชิลีกำลังประสบอยู่

บทวิเคราะห์และผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย        

จากการสืบค้นข้อมูลของสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ กรุงซันติอาโก พบว่าสินค้าหลักที่ชิลีมีการส่งออกไปยังรัสเซียประจำปี 2564 (ตามตารางที่ 1) ได้แก่ ปลาแซลมอน (293 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 47.03 ของการส่งออกทั้งหมดไปยังรัสเซีย) รองลงมา ได้แก่ ผลไม้ (107 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 17.2)  สินแร่ (105 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 16.9) หอยแมลงภู่ (45 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 7.3) และไวน์ (28 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 4.5) ตามลำดับ

ตารางที่ 1  มูลค่าการส่งออกของชิลีไปยังประเทศรัสเซียระหว่างปี 2562 – 2564 (ข้อมูลจาก Global Trade Atlas)

สำหรับสินค้าหลักที่ชิลีมีการนำเข้าจากรัสเซียมากที่สุด (ตามตารางที่ 2) ได้แก่ ถ่านหิน (101.6 ล้านเหรียญสหรัฐ คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 51.13 ของการนำเข้าทั้งหมดจากรัสเซีย) รองลงมาคือ ปุ๋ยและเคมีภัณฑ์ (30.9 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 15.59) รถดัมพ์หรือดั้มเพอร์ (13 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 6.58) ไม้แปรรูปชนิดแผ่น (9.6 ล้านเหรียญสรัฐ สัดส่วนร้อยละ 4.87) และกระดาษคราฟต์ (8.7 ล้านเหรียญสหรัฐ สัดส่วนร้อยละ 4.39) ตามลำดับ

ตารางที่ 2  มูลค่าการนำเข้าของชิลีจากประเทศรัสเซียระหว่างปี 2562 – 2564 (ข้อมูลจาก Global Trade Atlas)

ทั้งนี้ จากการวิเคราะห์ข้อมูลของ สคต. ณ กรุงซันติอาโก พบว่าในสินค้า 5 อันดับแรกที่ชิลีมีการนำเข้าจากรัสเซียมากที่สุด มี 2 รายการที่ไทยเป็นผู้ส่งออกหลักเช่นกัน คือ ไม้แปรรูป และกระดาษคร้าฟท์ ซึ่งมูลค่าและประเทศหลักที่ไทยส่งออกมีรายละเอียด ดังนี้

  • ไม้แปรรูป หรือ Particle Board (HS Code 4410) – ในปี 2564 ไทยส่งออกคิดเป็นมูลค่า 496 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่งออกไปยังประเทศเกาหลีใต้มากที่สุด รองลงมา คือ มาเลเซีย จีน จีนไทเป เวียดนาม อินโดนีเซีย และเปรู ตามลำดับ สถานการณ์สงครามรัสเซีย-ยูเครน อาจส่งผลให้ชิลีลด/งดการนำเข้าสินค้าไม้แปรรูปจากรัสเซีย และมีการนำเข้าเพิ่มขึ้นจากประเทศอื่น ทำให้ไม้แปรรูปของไทยมีโอกาสทางการค้าเพิ่มขึ้น
  • กระดาษคร้าฟท์  (HS Code 4804) – ในปี 2564 ไทยส่งออกคิดเป็นมูลค่า 48.4 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่งออกไปยังประเทศเวียดนามมากที่สุด รองลงมาคือ บังคลาเทศ จีนไทเป อินเดีย และจีน ตามลำดับ และในส่วนของภูมิภาคลาตินอเมริกา พบว่า ไทยเคยมีการส่งออกไปยังเม็กซิโกเพียงประเทศเดียวในปี 2562 ที่มูลค่า 8 ล้านเหรียญสหรัฐ และยังไม่มีการส่งออกไปยังชิลี อย่างไรก็ดี ที่ผ่านมา สคต. ณ กรุงซันติอาโก ได้พบหารือผู้นำเข้ากระดาษคร้าฟท์รายสำคัญของชิลี (บริษัท Interlog Chile) เมื่อปี 2560 ซึ่งผู้นำเข้าดังกล่าวสนใจที่จะนำเข้าสินค้าจากไทย แต่ในขณะนั้นผู้ส่งออกไทยประสบปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ จึงไม่สามารถส่งออกได้

ทั้งนี้ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงซันติอาโก จะดำเนินการประสานงานกับผู้นำเข้ารายสำคัญของสินค้าไม้แปรรูป และกระดาษคร้าฟท์ เพื่อหาโอกาสเพิ่มมูลค่าการค้าของไทย โดยจะรายงานผลความคืบหน้าให้กรมฯ ทราบต่อไป

ที่มาข้อมูล : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงซันติอาโก (มีนาคม 2565)

_____________________________________________
Website : http://ditp-overseas.com
Facebook: https://www.facebook.com/ditpoverseas
Youtube : https://bit.ly/36fT76e

#DITP #OMD2 #สพต2