กฎหมาย Organic Foods Production Act กำหนดให้ใช้สารธรรมชาติและห้ามใช้สารสังเคราะห์ในการผลิตสินค้าที่ปิดฉลากว่าเป็น “organic” หรือ “made with organic…….” แต่มีสารสังเคราะห์ สารที่ไม่ได้มาจากการเกษตร และสารที่มาจากการเกษตรที่ไม่ใช่อินทรีย์บางรายการที่ได้รับการยกเว้นและอนุญาตให้ใช้ในการผลิตสินค้าอินทรีย์ หรือที่เรียกว่า ‘ออร์แกนิก’ ได้ เฉพาะที่กำหนดไว้ใน National List ซึ่งจัดทำโดยกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (U.S. Department of Agricultural – USDA) จากคำแนะนำของ National Organic Standards Board (NOSB) และผ่านการประชาพิจารณ์แล้ว
ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2022 USDA ได้ประกาศ National List of Allowed and Prohibited Substances for Organic Foods ฉบับใหม่ ปรับปรุงรายชื่อสารที่อนุญาตให้ใช้และสารต้องห้ามที่ไม่อนุญาตให้ใช้ในอาหารออร์แกนิก สรุปสาระสำคัญได้ ดังนี้
- ให้มีผลบังคับใช้ (effective date) ตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2022 เป็นต้นไป
- กำหนดวันที่ที่ต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ (compliance date) ดังนี้
- วันที่ 15 มีนาคม 2023 สารที่ถูกถอดออกจาก National List คือ Vitamin B1 ในการผลิตพืชผลอินทรีย์และ Procaine (ยาแก้ปวด) ในการผลิตปศุสัตว์อินทรีย์ จากเดิมทีได้รับอนุญาตให้ใช้ได้
- วันที่ 15 มีนาคม 2024 สารที่ถูกถอดออกจาก National List คือ สารอื่นที่ไม่ใช่อินทรีย์ 14 รายการ (เป็นสีที่ไม่ใช่อินทรีย์ 8 รายการ) จากที่เดิมเคยได้รับอนุญาตให้ใช้ในการผลิตสินค้าออร์แกนิกได้ คือ
- Alginic acid
- สี (black currant juice color, blueberry juice color, carrot juice color, cherry juice color, grape juice color, paprika color, pumpkin juice color, และ turmeric extract color) Federal Register :: National Organic Program; Amendments to the National List of Allowed and Prohibited Substances (2022 Sunset)
- caKelp
- Konjac flour
- Sweet potato starch
- Turkish bay leaves
- Whey protein concentrate
- สินค้าที่วางจำหน่ายในตลาดการค้าหลังวัน Compliance date ที่มีการปิดฉลากว่าเป็น “organic” หรือ “made with organic (ระบุชื่อส่วนผสมหรือชื่อกลุ่มอาหาร) อาจมีส่วนผสมในข้อ (1) และ (2) ได้ หากผลิตก่อนวันที่ compliance date
- (4) วันที่ 15 มีนาคม 2027 อนุญาตให้ใช้ สาร sucrose octanoate esters (ยาฆ่าศัตรูพืชที่เน้นฆ่าไร – mite) ในการผลิตพืชผลและปศุสัตว์อินทรีย์ และ oxytocin (synthetic hormones ยาสำหรับสัตว์) ในการผลิตปศุสัตว์อินทรีย์
National List ฉบับปรับปรุง ระบุรายชื่อที่ได้รับการอนุญาตให้ใช้ในการผลิตสินค้าอินทรีย์ที่ปิดฉลากว่า “organic” ดังนี้
- สารสังเคราะห์: Vitamin C และ Vitamin E
- ผลิตภัณฑ์เกษตรที่ไม่ใช่อินทรีย์ (ศึกษารายละเอียดใน Federal Register) คือ
- สีที่กลั่นมาจากผลิตภัณฑ์เกษตรที่ไม่ใช้ตัวทำละลายสังเคราะห์ (synthetic solvents) และระบบการส่งผ่าน (carrier systems) หรือสารกันบูดเทียม (artificial preservative) ในการผลิต
- Beet juice extract color not be produced from sugar beets
- Beta-carotene extract color derived from carrots or algae
- Black/purple carrot juice color
- Chokeberry, aronia juice color (berry ชนิดหนึ่งที่มีสีแดง ม่วง และดำ)
- Elderberry juice color (berry ชนิดหนึ่ง มีผลคล้าย blueberry)
- Grape skin extract color
- Purple sweet potato juice color
- Red cabbage extract color
- Red radish extract color
- Saffron extract color
- Cornstarch (native)
- Fish Oil – stabilized with organic ingredients or only with ingredients on the National List
- Fructooligosaccharides หรือที่เรียกว่า oligofructose
- Gelatin
- Glycerin – produced from agricultural source materials and processed using biological or mechanical/physical methods as described by law
Gums – water extracted only (Arabic, Guar, Locust bean, และ Carob bean)
- Inulin – oligofructose enriched
- Lecithin – de-oiled
- Orange pulp, dried
- Orange shellac – unbleached
- Pectin (non-amidated forms only)
- Potassium acid tartrate
- Seaweed, Pacific Kombu
- Tamarind seed gum
- Tragacanth gum
- Wakame seaweed
ข้อมูลเพิ่มเติม
- รายงานล่าสุดจากบริษัทที่ปรึกษาและวิจัยตลาด BlueWeave Consulting & Research Pvt. Ltd. ระบุว่า
- ตลาดอาหารออร์แกนิกสหรัฐฯ ในปี 2020 มีมูลค่าประมาณ 52,300 ล้านเหรียญฯ (ข้อมูล Organic Trade Association – OTA ระบุ 56,500 ล้านเหรียญฯ) เพิ่มขึ้นร้อยละ 12.8 ประมาณการณ์ว่าตลาดมีอัตราเติบโตต่อปี (compound annual growth rate) ที่ร้อยละ 8.7 โดยคาดว่าภายในปี 2027 มูลค่าตลาดจะเพิ่มขึ้นเป็น 95,100 ล้านเหรียญฯ โดยมีปัจจัยสนับสนุนจาก
- ผู้บริโภคสนใจอาหารเพื่อสุขภาพมากขึ้นและจำนวนผู้บริโภคกลุ่มนี้ขยายตัว
- ความกังวลต่อสิ่งแวดล้อมที่ใช้ยาฆ่าแมลง ปุ๋ยเคมี และเคมีภัณฑ์อื่นๆในการทำการเกษตร
- การเติบโตของจำนวนเกษตรกรสหรัฐฯ ที่หันมาผลิตพืชผลอินทรีย์
- ความหลากหลายของสินค้าและช่องทางการจำหน่ายที่มากขึ้นทั้งแบบ online และ offline โดยผู้บริโภคกลุ่มวัยหนุ่มสาวนิยมซื้อผ่านช่องทาง online ซึ่งพบว่าส่วนใหญ่เป็นสินค้าแบรนด์ของบริษัทสหรัฐฯ ส่วนช่องทาง offline มีการเติบโตเข้มแข็งเช่นกัน Supermarket chains รายใหญ่วางจำหน่ายสินค้าออร์แกนิกเพิ่มมากขึ้น ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงสินค้าได้ง่ายมากขึ้น
- ร้อยละ 82 ของคนอเมริกันซื้ออาหารออร์แกนิก ส่วนใหญ่นิยมซื้อผ่านร้านค้า conventional grocery stores
- โดยทั่วไปอาหารออร์แกนิกมีราคาแพงกว่าสินค้าปกติเนื่องจากต้นทุนการผลิตสูงกว่า ประกอบกับสภาวะเงินเฟ้อปัจจุบันและวิกฤตราคาสินค้าปุ๋ย รวมถึงปุ๋ยอินทรีย์ ที่เกิดการขาดแคลน ไปทั่วโลก ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของความต้องการและปัญหาวิกฤตระบบห่วงโซ่อุปทาน ที่สหรัฐฯต้องพึ่งพานำเข้าปุ๋ยอินทรีย์ จึงส่งผลให้ราคาอาหาร ออร์แกนิกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นอุปสรรคการเติบโตของตลาดอาหารอินทรีย์สหรัฐฯ
- คาดการณ์ว่าภายหลังวิกฤต COVID-19 ตลาดอาหารออร์แกนิกจะเติบโตยิ่งขึ้น
- แบรนด์ที่เป็นผู้นำในอาหารออร์แกนิกในตลาดสหรัฐฯ เป็นของบริษัท WhiteWave Foods Company, Hain Celestial Group, General Mills, Nature’s Path Foods, Amy’s Kitchen, Newman’s Own, Impossible Foods, Shenandoah Growers, Good PLANet Foods และ Rowdy Mermaid Kombucha
- ตลาดอาหารออร์แกนิกสหรัฐฯ มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดต่อเนื่อง
- กระทรวงเกษตรสหรัฐฯ รายงานว่าในปี 2021
- ช่องทางจำหน่ายหลักของอาหารออร์แกนิกมี 3 ช่องทางคือ natural foods stores ซึ่งมีเกือบ 20,000 แห่งทั่วสหรัฐฯ, conventional grocery stores ซึ่งพบว่า 3 ใน4 ของร้าน conventional grocery มีสินค้าอินทรีย์วางจำหน่าย และ direct-to-consumer โดยช่องทาง conventional supermarket ได้รับความนิยมมากกว่าช่องทางอื่น
- แม้ว่าอาหารออร์แกนิกจะได้รับความนิยมและมีแนวโน้มเติบโตสูง แต่ยังมีมูลค่าคิดเป็นเพียงร้อยละ 4 ของยอดขายอาหารทั้งหมด (ประมาณการณ์ของ OTA อยู่ที่ร้อยละ 6) แสดงถึงศักยภาพตลาดอีกมาก
- ประเภทของอาหารออร์แกนิกที่ได้รับความนิยมเรียงตามลำดับคือ ผักผลไม้สด เครื่องดื่มที่เป็น nondairy ขนมปังและธัญพืช ผลิตภัณฑ์อาหาร (แช่เยือกแข็ง แห้ง อาหารเด็กอ่อน ซุป และของหวาน) และสินค้า dairy products
- ข้อมูลการสำรวจของ Nutrition Business Journal จัดทำให้ OTA ในปี 2021 ระบุว่า
- ร้อยละ 91.2 ของสินค้าออร์แกนิกในตลาดสหรัฐฯ เป็นสินค้าอาหาร
- ส่วนแบ่งในตลาดอาหารออร์แกนิก แยกตามประเภทสินค้า คือ ผักผลไม้สด (38%) เนื้อนมไข่ (14%) ผลิตภัณฑ์อาหาร (12%) เครื่องดื่ม (12%) ขนมปังและธัญญพืช (10%) ของขบเคี้ยว- Snacks (5%) เครื่องปรุงรส (5%) และเนื้อสัตว์ทุกชนิด (4%)
- เกินกว่าร้อยละ 15 ของผักและผลไม้ที่วางจำหน่ายในสหรัฐฯ เป็นผักผลไม้ออร์แกนิก ซึ่งผักและผลไม้สดเป็นสินค้าออร์แกนิกที่มียอดขายสูงสุดคือ 18.2 ล้านเหรียญฯ ในปี 2020 เพิ่มขึ้นร้อยละ 11
- ยอดขายผลิตภัณฑ์อาหารออร์แกนิก ทั้งที่แช่เยือกแข็ง บรรจุกระป๋อง และแห้ง มีมูลค่า 20,400 ล้านเหรียญฯ
- ความต้องการบริโภคอาหารออร์แกนิกในสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นโอกาสของสินค้าอาหารจากประเทศไทย ทั้งนี้ ผู้ประกอบการไทยควรศึกษารายละเอียดกฎระเบียบการผลิตสินค้าออร์แกนิกได้ที่ ‘กฎหมายและกฎระเบียบสินค้าอินทรีย์ของสหรัฐฯ National Organic Program (NOP) & USDA http://www.organic.moc.go.th/th/standard/omic
- งานแสดงสินค้าสำคัญเกี่ยวกับสินค้าออร์แกนิกส์คือ Natural Product Expo ซึ่งจัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง โดยงานที่จัดขึ้นฝั่งตะวันตกของสหรัฐฯ ใช้ชื่อ Natural Product Expo West (จัดที่เมือง Anaheim รัฐ California ช่วงเดือนมีนาคม) และฝั่งตะวันออกของสหรัฐฯ ใช้ชื่อ Natural Product Expo East (จัดที่เมือง Philadelphia รัฐ Pennsylvania ช่วงเดือนกันยายน – ตุลาคม) โดยในปีนี้ งาน Natural Product Expo West จัดขึ้นระหว่างวันที่ 9 – 12 มีนาคม 2022 ขณะที่งาน Natural Product Expo East จัดขึ้นระหว่างวันที่ 28 กันยายน – 1 ตุลาคม 2022
ที่มาข้อมูล : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครลอสแอนเจลิส (มีนาคม 2565)
– Federal Register: “National Organic Program; Amendments to the National List of Allowed and Prohibited Substances (2022 Sunset), A Rule by the Agricultural Marketing Service on 02/28/2022
– Food Safety News: “USDA amends the National List for organic handling, crops, and livestock”, March 1, 2022
_____________________________________________
Website : http://ditp-overseas.com
Facebook: https://www.facebook.com/ditpoverseas
Youtube : https://bit.ly/36fT76e
#DITP #OMD2 #สพต2