รัฐบาลในประเทศสิงคโปร์กำลังเพิ่มการนำเข้าข้าวประเภทต่าง ๆ จากหลายประเทศ หลังจาก ที่อินเดียได้ระงับการส่งออกข้าวขาว โฆษกสำนักงานอาหารสิงคโปร์ (Singapore Food Agency : SFA) กล่าวว่า SFA ได้ติดต่อทางการอินเดีย เพื่อขอยกเว้นจากการระงับส่งออกครั้งนี้ ทั้งนี้ อุปทานข้าว ในสิงคโปร์ยังคงมีเสถียรภาพเพียงพอ หากประชาชนซื้อในปริมาณที่จำเป็นต่อการบริโภค เนื่องจากสิงคโปร์มีกลยุทธ์หลากหลายแนวทางในการกระจายการนำเข้า และการสำรองสินค้า ภายใต้โครงการคลังเก็บข้าว (The Rice Stockpile Scheme) เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่ามีสินค้าข้าวเพียงพอในตลาด และจะเป็นการรับมือ หากเกิดปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในการนำเข้าข้าว และนอกจากนี้ สิงคโปร์ยังกระจายและนำเข้าข้าวจาก 30 ประเทศ ในปี 2565 สิงคโปร์นำเข้าข้าวขาวจากอินเดียคิดเป็นสัดส่วนประมาณ 40% โดยการนำเข้าข้าวขาว ซึ่งอินเดียเป็นประเทศผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ที่สุดในโลก ได้สั่งระงับการส่งออกข้าวขาว เพื่อรักษาราคา ในประเทศให้อยู่ในราคาที่จับต้องได้ รัฐบาลอินเดียกล่าวว่า การส่งออกข้าวจะได้รับอนุญาต หากมีคำขอจากรัฐบาลที่ต้องการจัดการปัญหาเรื่องความมั่นคงทางอาหาร ทางโฆษก DFI Retail Group ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกขนาดใหญ่ของสิงคโปร์ กล่าวว่า บริษัทไม่ได้ขึ้นราคาข้าวอินเดีย และความต้องการข้าวขาวอินเดียยังคงทรงตัว ยกเว้นในสัปดาห์ที่มีการประกาศการระงับการส่งออกฯ ส่งผลให้ความต้องการข้าวขาวอินเดียเพิ่มขึ้นเล็กน้อย […]

ตลาดสัตว์เลี้ยงของเกาหลีใต้กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว จากรายงานของกระทรวงเกษตร อาหาร และกิจการชนบทของเกาหลีใต้ ในปี 2565 จำนวนครัวเรือนที่เลี้ยงสุนัขหรือแมวอยู่ที่ 6.02 ล้านครัวเรือน โดยมีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 8 ล้านล้านวอน สาเหตุของการเติบโตอย่างรวดเร็วของตลาดสัตว์เลี้ยงเกาหลีใต้มาจากหลายปัจจัย ได้แก่ พฤติกรรมการเลี้ยงสัตว์เหมือนเป็นหนึ่งในสมาชิกครอบครัว (Pet Humanization) ทำให้ผู้บริโภคเกาหลีใต้มีแนวโน้มที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากขึ้นและให้ความสำคัญกับการดูแลสัตว์เลี้ยงเหมือนสมาชิกในครอบครัว ด้วยเหตุนี้ทำให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ ของสัตว์เลี้ยงขึ้น เช่น อุปกรณ์ติดตามสัตว์เลี้ยง กล้องวงจรปิดสำหรับสัตว์เลี้ยง และอาหารสัตว์เลี้ยงสำเร็จรูปแบบแช่แข็ง ทำให้การดูแลสัตว์เลี้ยงสะดวกและง่ายขึ้น ทางรัฐบาลเกาหลีใต้ได้ตระหนักถึงศักยภาพของตลาดสัตว์เลี้ยง จึงมีแผนที่จะขยายตลาดสินค้าสัตว์เลี้ยงเป็น 15 ล้านล้านวอนภายในปี 2570 โดยมีมาตรการสนับสนุนต่าง ๆ ดังนี้ กำหนดนโยบายใหม่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมอาหารสัตว์เลี้ยงให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล และตั้งเป้าส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงมูลค่า 500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จึงจัดตั้งสถานที่อำนวยความสะดวกที่เรียกว่า One-Welfare Valley เพื่อให้บริษัทต่าง ๆ สามารถทดสอบผลิตภัณฑ์ใหม่กับสัตว์เลี้ยง และให้เงินกู้ดอกเบี้ยต่ำแก่ผู้พัฒนาผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยงสนับสนุโครงการวิจัยและโครงการพัฒนาที่เกี่ยวข้องยกเลิกภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับการรักษา โดยสัตวแพทย์กำหนดให้ให้คลินิกสัตว์แพทย์แสดงราคาอย่างโปร่งใส ผู้ประกอบการไทยสามารถใช้ประโยชน์จากโอกาสทางการตลาดในเกาหลีใต้ได้โดยพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคเกาหลีใต้ เช่น อาหารสัตว์เลี้ยงที่มีคุณภาพสูง และราคาเหมาะสม รวมถึงของใช้สำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น เสื้อผ้า ของเล่น อุปกรณ์เสริมต่าง […]

สำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ OMD2 พร้อมเจาะลึกข้อมูลการค้าการลงทุนในตลาดต่างประเทศ กับ Podcast “เจาะตลาดการค้า กับ DITP” ร่วมพูดคุยแบบข้ามทวีป กับทูตพาณิชย์ที่ประจำอยู่ในสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) และผู้ประกอบการที่จะมาแบ่งปันความรู้และประสบการณ์จากภูมิภาคสำคัญในตลาดการค้าโลก อย่างตลาดภูมิภาคอเมริกา ลาตินอเมริกา ยุโรปและ CIS แอฟริกาและตะวันออกกลาง ตลาดอาเซียน จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ ออสเตรเลีย และเอเชียใต้ พร้อมการติดตามความเคลื่อนไหวทางการตลาดต่างประเทศ เจาะลึกสถานการณ์ตลาดการค้าของแต่ละประเทศ วิกฤตการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการส่งออก รวมไปถึงส่องเทรนด์ความต้องการของตลาดใหม่ ๆ ที่น่าจับตามอง รวมถึงการให้ความสำคัญ กับกฎระเบียบ การนำเข้า การจัดจำหน่าย ใบอนุญาตการผลิต และใบรับรอง เป็นต้น การฟัง Podcast “เจาะตลาดการค้า กับ DITP” จะเป็นการเปิดประตูโอกาสให้กับผู้ประกอบการไทยที่มีความสนใจในตลาดต่างประเทศได้นำเอาสาระที่ได้ไปพัฒนาสินค้าและธุรกิจให้ได้มาตรฐานตรงกับความต้องการของตลาดเป้าหมาย เสริมสร้างศักยภาพและเตรียมความพร้อมให้ผู้ประกอบการไทยให้ก้าวสู่เวทีการค้าระดับโลก ผู้ประกอบการที่สนใจสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารด้านการค้า และกิจกรรมส่งเสริมการส่งออกของทางกรมฯ รวมถึง Podcast ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการไทยได้ที่เว็บไซต์ www.ditp-overseas.com หรือรับฟังผ่าน www.soundcloud.com/ditp-overseas

ปัจจุบันผู้บริโภคทั้งในประเทศเกาหลีและไทย ต่างให้ความสำคัญการดูแลร่างกายมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใส่ใจสุขภาพภายใน และรูปลักษณ์ภายนอก ซึ่งรวมไปถึงการเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ สกินแคร์ และเครื่องสำอาง โดยคำนึงถึงความปลอดภัย ราคาที่สมเหตุสมผล เครื่องหมายรับรองฮาลาล สำหรับผู้บริโภคที่นับถือศาสนาอิสลามในสาธารณรัฐเกาหลี ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจ และเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ดูแลร่างกาย ได้แก่ ปัจจัยที่หนึ่ง สินค้าต้องเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (eco-friendly products) มีส่วนผสมมาจากธรรมชาติ และมีการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้กระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยที่สุด ปัจจัยที่สอง เลือกผลิตภัณฑ์ที่มีสารสกัดจากธรรมชาติ มีความอ่อนโยนต่อผิว ไม่ก่อให้เกิดการระคายเคือง สามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว ที่ปราศจากสารเคมี ปัจจัยที่สาม ราคาต้องสมเหตุสมผล เพื่อตอบโจทย์กับกลุ่มผู้บริโภคหลากหลาย ซึ่งสินค้าจะต้องมีคุณภาพและสามารถใช้ได้ทุกสภาพผิว ปัจจัยที่สี่ สกินแคร์ต้องตอบโจทย์และเหมาะกับสภาพผิวมาก ซึ่งจะทำให้การดูแล บำรุง ฟื้นฟูรวมถึงการแก้ปัญหาผิวเกิดประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ ในการคิดค้นและผลิตสกินแคร์ เครื่องสำอางในประเทศไทย สามารถทำให้เป็นที่นิยม และทันสมัยได้ โดยใช้สารสกัดจากธรรมชาติ เช่น ข้าวเจ้า เม็ดบัว เป็นต้น นำมาพัฒนาต่อยอดและคิดค้นผลิตเป็นสินค้าชนิดใหม่ ๆ ได้ นับเป็นข้อได้เปรียบที่ทำให้สินค้าไทยมีศักยภาพ ในระดับโลก ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไทยมีข้อสงสัยหรือคำถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงโซล […]

สำนักงานสถิติแห่งชาติประเทศฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนกรกฎาคม 2566 ผ่อนคลายลง สะท้อนการชะลอตัวของต้นทุนอาหารและสาธารณูปโภค โดยอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 4.7 เป็นอัตราการเพิ่มขึ้นประจำปีที่ช้าที่สุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2565 แต่อัตราเงินเฟ้อดังกล่าวยังคงสูงกว่าเป้าหมายของธนาคารกลางที่ตั้ง ซึ่งอัตราเงินเฟ้อไม่รวมรายการอาหารและเชื้อเพลิง ทั้งนี้ ธนาคารกลางฟิลิปปินส์ (Bangko Sentral ng Pilipinas: BSP) จะมีการประชุมโดยได้คงอัตราดอกเบี้ย หลังจากปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 9 ครั้ง ซึ่งทำให้อัตราดอกเบี้ยนโยบายหลักอยู่ที่อยู่ที่ร้อยละ 6.25 โดยธนาคารกลางฟิลิปปินส์ระบุว่า ความเสี่ยงจากการปรับขึ้นค่าจ้าง ค่าโดยสารและปัญหา การจัดหาอาหารยังคงมีอยู่ ซึ่งธนาคารพร้อมที่จะปรับจุดยืนของนโยบายการเงินตามความจำเป็น เพื่อป้องกันแรงกดดันด้านราคาในวงกว้างขึ้น รวมถึงผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นเพิ่มเติม โดยการที่สถานการณ์เงินเฟ้อสูงในประเทศฟิลิปปินส์ได้ผ่อนคลายลงนั้น เกิดจากปัจจัยหลักคือ ราคาอาหาร การขนส่งและสาธารณูปโภค ทั้งนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลงถือเป็นสัญญาณที่ดี ทำให้ผู้บริโภคชาวฟิลิปปินส์กลับมามีความเชื่อมั่นที่จะออกมาจับจ่ายใช้สอยมากขึ้น นอกจากนี้ ยังช่วยสร้างบรรยากาศที่ดีเพื่อสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ อย่างไรก็ตาม สถานการณ์เงินเฟ้อของฟิลิปปินส์ยังคงต้องเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด แม้ว่าจะมีแนวโน้มลดลงแต่ยังคงอยู่ในระดับสูง และมีปัจจัยเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในตลาดอาหารโลกและข้อจำกัดด้านอุปทานในประเทศของฟิลิปปินส์ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรติดตามสถานการณ์ อย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ทางการตลาดอย่างเหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ตลาดที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอ ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไทยมีข้อสงสัยหรือคำถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงมะนิลา รวมทั้งสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารทางการค้าได้ที่ https://ditp-overseas.com สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ […]

เครื่องประดับเงินของไทยนับว่าเป็นสินค้าที่มีศักยภาพในตลาดอินเดียมาโดยตลอด โดยเฉพาะในเมืองกัลกัตตา เจนไน และไฮเดอราบาด ซึ่งไทยครองสัดส่วนตลาดประมาณร้อยละ 70 แต่มีคู่แข่ง ที่น่าจับตามอง ได้แก่ สิงคโปร์ ฮ่องกง โดยเฉพาะ UAE และออสเตรเลียที่มีการนำเข้าเพิ่มขึ้น ภายหลัง การลงนาม FTA ในปี 2565 ที่ผ่านมา ผู้ส่งออกไทยอาจพิจารณานำจุดแข็งเรื่องการใช้อัญมณี พลอยสี ไข่มุก และเพชรสังเคราะห์เข้าไปผสมผสานด้วย รวมถึงนำเครื่องประดับเงินเป็นส่วนประกอบผลิตสินค้าแฟชั่นอื่น ๆ อาทิ เข็มกลัด เข็มขัด ผ้าพันคอ กระเป๋าถือ เป็นต้น ซึ่งอินเดียยังไม่มีความเชี่ยวชาญมากนัก ทั้งนี้ เครื่องประดับในประเทศอินเดียมีแนวโน้มต้องการเพชรแท้แบบดั้งเดิม รวมถึงนำเข้าเพชรสังเคราะห์ (Lab-grown diamond) เพิ่มขึ้นเพื่อนำไปใช้เป็นส่วนประกอบของเครื่องประดับร่วมกับพลอยและหินสี ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่หรือผู้มีรายได้ค่อนข้างสูงและส่งออกไปยังตลาดสหรัฐอเมริกาและตลาดยุโรปที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม หากผู้ประกอบการไทยมีข้อสงสัยหรือคำถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ รวมทั้งสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารทางการค้าได้ที่ https://ditp-overseas.com สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เมืองมุมไบ

จากการศึกษาตลาดเครื่องดื่มโดย IWSR พบว่า เครื่องดื่ม Non-alcoholic มียอดขายมากขึ้น ซึ่งคาดว่าในปี 2567 ตลาดเครื่องดื่มในประเทศออสเตรเลียจะขยายตัวมากขึ้นกว่าเดิม เนื่องจากผู้คน ส่วนใหญ่หันมาใส่ใจสุขภาพ ทำให้เลือกเครื่องดื่มทางเลือกเพื่อสุขภาพแทนเครื่องดื่มทั่วไป คาดว่าในปีนี้ ตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ (Functional beverage) ในออสเตรเลียจะมีมูลค่า 451 ล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยเป็นเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ที่มีส่วนผสมของ Vitamins , Minerals , Fibers , Probiotics และผลไม้ที่มีคุณค่าทางโภชนาการ เพิ่มประสิทธิภาพ การทำงานของร่างกาย ระบบความจำ ระบบ การทำงานของลำไส้และเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน สำหรับผู้ผลิตเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์ได้มีการพัฒนารสชาติอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มีรสชาติไม่แตกต่างจากเบียร์และไวน์ที่มีแอลกอฮอล์ และสามารถดื่มได้ทุกช่วงวัย ทำให้ปัจจุบันความนิยมดื่มเครื่องดื่มประเภท Non-alcoholic beer และ Non-alcoholic wine ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตสินค้าเครื่องดื่มไทยสามารถนำกระแสการเติบโตและทิศทางการพัฒนาสินค้าดังกล่าวมาพัฒนาเครื่องดื่มไทย เช่น ชานมไทยพร้อมดื่ม กาแฟเย็น น้ำมะพร้าว Detox และเครื่องดื่มช่วยเสริมความจำหรือการนอนหลับ เพื่อสร้างโอกาสในการขยายตลาดในตลาดเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพออสเตรเลียต่อไป ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไทยมีข้อสงสัยหรือคำถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ […]

ปัจจุบันประชากรส่วนใหญ่ เริ่มหันมาใส่ใจดูแลสุขภาพการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ กับตัวเอง ซึ่งการเลือกรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพนี้ ไม่จำเป็นต้องกินแต่ผักหรืองดการกินของว่างระหว่างวันเสมอไป เพราะสามารถเลือกทานอาหารว่างเพื่อสุขภาพได้ ซึ่งผู้บริโภคชาวอเมริกันส่วนใหญ่นิยมบริโภค “แพลนเทน” (Plantain) ซึ่งเป็นกล้วยท้องถิ่น ควบคู่กับอาหารจานหลัก เนื่องจากมีวิตามินสูงและมีความอยู่ท้อง ทำให้สินค้าแปรรูปจากกล้วยในสหรัฐมีรูปแบบหลากหลาย และได้รับความนิยม ในตลาดเพิ่มมากขึ้น ความแตกต่างของสินค้ากล้วยแปรรูปเพื่อสุขภาพ ได้แก่ รูปแบบที่หนึ่ง การถนอมอาหารโดยลดความชื้นของอาหารซึ่งได้รับความนิยมมากที่สุด ทานง่าย และมีระยะการเก็บได้นาน รูปแบบที่สอง รูปแบบแช่เยือกแข็งแห้ง (Freeze dry) เป็นการถนอมอาหาร โดยดึงน้ำออกจากอาหาร เพื่อคงคุณค่าทางโภชนาการไว้ได้มากที่สุด เป็นอาหารทานเล่นเหมาะสำหรับทุกวัยรวมถึงผู้ใหญ่ที่ต้องการรักษาสุขภาพ รูปแบบที่สาม การนำไปตากแดด ซึ่งเหมาะกับประเทศที่มีแดดร้อนจัด และประหยัดค่าใช้จ่าย และรูปแบบที่สี่ การถนอมอาหารที่คงกลิ่น รสชาติไว้ได้ดี และเหมาะกับผู้ที่ต้องการร่นเวลา สามารถเก็บไว้ได้นาน พกพาสะดวก แม้กล้วยสดจากไทยยังไม่สามารถนำเข้าสหรัฐฯ ได้ในปัจจุบัน แต่ยังสามารถส่งออกผลิตภัณฑ์กล้วยแปรรูปได้จึงน่าจะเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผู้ประกอบการไทย หากผู้ประกอบการไทยมีความประสงค์ที่จะส่งออกมายังตลาดสหรัฐฯ ควรศึกษาขั้นตอนและกฎระเบียบในเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ รวมทั้ง อาจหาช่องทางการเข้าสู่ตลาดผ่านการเข้าร่วมงานแสดงสินค้า การติดต่อนำเสนอสินค้ากับผู้นำเข้า ตัวแทนจำหน่าย หรือการจำหน่ายผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไทยมีข้อสงสัยหรือข้อซักถาม สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก […]

“OMD2-DITP” เปิดประตูโอกาสพร้อมพัฒนาศักยภาพผู้ประกอบการอัญมณีไทย กับงาน Bangkok Gems and Jewelry Fair ครั้งที่ 68 งานแสดงอัญมณีและเครื่องประดับนานาชาติที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน ระหว่างวันที่ 6 – 10 กันยายน 2566 ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สำนักพัฒนาตลาดและธุรกิจไทยในต่างประเทศ 2 กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ หรือ OMD2 เข้าร่วมกิจกรรมงานแสดงสินค้าอัญมณีและเครื่องประดับ ครั้งที่ 68 (Bangkok Gems and Jewelry Fair 68th) ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 6-10 กันยายน 2566 ณ ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ภายใต้ความร่วมมือของกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ และสถาบันวิจัยและพัฒนาอัญมณีและเครื่องประดับแห่งชาติ หรือ GIT ซึ่งภายในงานฯ จะมีผู้ค้า ผู้นำเข้าและผู้เข้าร่วมจากทั่วโลก และบูธอัญมณีและเครื่องประดับที่อลังการและสวยงามตระการตาหลากหลายประเภท ทั้ง เพชร พลอย ทองคำ เครื่องประดับเงิน ฯลฯ อีกมากมาย […]

เครื่องประดับมุกเป็นสินค้าที่มีภาพลักษณ์เป็นเครื่องประดับสำหรับผู้หญิงมาช้านาน แต่ปัจจุบัน ผู้ชายเริ่มสวมใส่เครื่องประดับมุกเป็นแฟชั่นมากขึ้น อาจเพราะสังคมที่เริ่มยอมรับในความหลากหลายมากขึ้น ทำให้มีสินค้าไม่แบ่งเพศวางจำหน่ายเพิ่มขึ้น บริษัทเครื่องประดับรายใหญ่ของญี่ปุ่นอย่าง K.MIKIMOTO & CO.,LTD. เป็นผู้บุกเบิกตลาดเครื่องประดับมุกสำหรับผู้ชาย โดยในปี 2563 ได้ร่วมงานกับแบรนด์ COMME des GARCONS จำหน่ายสินค้าเครื่องประดับมุก โดยภาพโฆษณาเป็นภาพนายแบบใส่สูทและสวมใส่เครื่องประดับมุก และในปี 2564 ได้ออกคอลเล็คชัน “PASSIONOIR” นอกจากนี้ ยังมีสินค้าประเภทอื่น ๆ ที่เดิมทีเป็นสินค้าสำหรับผู้หญิง เช่น เครื่องสำอางและผลิตภัณฑ์ดูแลผิว เป็นผลให้ ผู้ชายเริ่มหันมาสนใจมากขึ้นเช่นกัน จากการสำรวจของ Hot Pepper Beauty Academy เมื่อเดือนสิงหาคม 2565 พบว่า ผู้บริโภคผู้ชายที่ซื้อเครื่องสำอางนั้น กลุ่มช่วงอายุ 20 ปีมีสัดส่วนการซื้อมากที่สุดหรือเท่ากับร้อยละ 20 รองลงมาคือกลุ่มช่วงอายุ 30 ปี และกลุ่มอายุ 15 – 19 ปี ร้อยละ 17 เท่ากัน โดยกลุ่มช่วงอายุ […]