อัตราเงินเฟ้อของเคนยาซะลอตัวลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกันในช่วง 12 เตือนที่ผ่านมา ลดลงเหลือร้อยละ 9.3 เมื่อเตือนธันวาคมที่ผ่านมา จากเติมคือร้อยละ 9.5 ในเตือนพฤศจิกายน เนื่องจาก ราคาสินค้าอาหารเริมปรับตัวลตลง แม้กระนั้น อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงเกินจากที่ธนาคารกลางกำหนดเพตานไว้ที่ร้อยละ 7.5

การลตลงของอัตราค่าครองชีพที่กล่าวมา เป็นการส่งสัญญาณให้เห็นถึงการคลี่คลายของวิกฤตค่าครองชีพซึ่งแตะระดับสูงสุตในรอบเกือบท้าปี ส่งผลให้ราคาอาหารและพลังงานพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก ราคาอาหารในเดือนธันวาคม 2565 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 13.8 เมื่อเทียบกันเตือนธันวาคมปี 2564 อย่างเช่น กะหล่ำปสี และผักโขม ผักสองชนิตนี้เป็นผักที่ชาวเคนยานิยมบริโภคในชีวิตประจำวัน ในขณะที่ราคาเนื้อวัวและแป้งข้าวโพตยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ผู้บริโภคจ่ายเงินคิดเป็นร้อยละ 37.7 ไปกับราคาข้าวโพตฝักซึ่งเป็นวัตถุติบหลักในการบริโภคที่มีราคา 77.47 เคนยาซิลลิ่ง (ประมาณ 21 บาท) ต่อหนึ่งก็โลกรัม

ทั้งนี้ อาหารคือหนึ่งในสามของการจับจ่ายสินค้าครัวเรือนของเคนยา เท่ากับว่าค่าครองชีพที่สูงขึ้นมีผลกระทบต่อราคาอาหารมากที่สุด อย่างเช่น ราคาน้ำมันตีเซลที่ใช้สำหรับการขนส่งและเดินเครื่องจักรในฟาร์มปรับราคาขึ้นสูงสุดเมื่อปีที่ผ่านมา มีต้นทุนเฉลี่ยอยู่ที่ 162.91 เคนยาซิลสิ่ง/ลิตร ซึ่งแน่นอนว่าต้องกระทบกับราคาผลผลิตทางการเกษตร ราคาอาหารที่มาจากต้นทุนการผลิตที่สูงก็ต้องเพิ่มราคาขึ้นสูงเช่นกัน

นอกเหนือจากราคาอาหารที่เพิ่มขึ้นแล้ว อีกหนึ่งในคำครองชีพที่เพิ่มขึ้นและส่งผลต่อผู้บริโภคอย่างหลีกเสี่ยงไมได้คือค่าเดินทางโตยระบบขนส่งสาธารณะ เนื่องจากราคาพลังงานที่เพิ่มขึ้นทำให้ต้นทุนการขนส่งเฉลี่ยเมื่อเตือน

ธันวาคมอยู่ที่ร้อยละ 13 เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า นอกจากปัจจัยต้านราคาพลังงานแล้วผู้ให้บริการรถมโดยสารสาธารณะไต้ปรับราคาคำตยสารขึ้นเพื่อรักษาส่วนต่างระหว่างช่วงเทศกาลคริสต์มาส ส่วนภาคพลังงานด้านอื่นๆ อย่างตัชนีที่อยู่อาศัย คำน้ำ คำไฟฟ้า และเชื้อเพลิงอื่นๆ ในครัวเรือนเพิ่มขึ้นร้อยละ 0.7 ระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงเดือนธันวาคม 2565 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของปริมาณการใช้พลังงานไฟฟ้า

ต่อมาเมื่อรัฐบาลของประธานาธิบตีวิลเลียม รูโต เข้ามาบริหารประเทศอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนกันยายน 2565 ได้ขับเคลื่อนนโยบยลดค่าครองชีพของครัวเรือนที่ยากจนส่วนใหญ่ มีการออกมาประกาศลตราคาสินค้าในระยะสั้น ลดเงินอุตหนุนแป้งข้าวโพตและเชื้อเพลิง และหันมาเลือกที่จะช่วยเหลือเกษตรกรที่ต้องเผชิญกับต้นทุนราคาปุ๋ยในการเกษตรที่สูงขึ้น โตยปล่อยปุ้ยผ่านโครงการอุตหนุนของรัฐบาลไต้แก่ ปุ๋ยขนาด 50 กิโลกรัม ออกสู่ตลาดจำนวน 1.3 ล้านถุง ราคา 3,500 เคนยาชิสสิ่งต่อถุง ทั้งยังมีแนวคิดว่าการให้ความช่วยเหลือทางการเงินอย่างไม่ตรงจุดจะต้องสิ้นสุดลงเพราะเป็นเพียงการแก้ปัญหาระยะสั้นมากคว่าการแก้ปัญหาอย่างยั่งยืนในระยะยาว ซึ่งจะมีโครงการเพิ่มเติมอีกในระยะต่อไป

อนึ่ง ธนาคารกลางของเคนยาซึ่งมีหน้าที่หลักในการกำกับดูแลอัตราตอกเบี้ยนโยบายให้คงที่นั้น ได้ประกาศเปลี่ยนแปลงอัตราตอกเบี้ยเมื่อเดือนพฤษภาคม 2565 โดยมีอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 8.75 Basis Points (BPS) นับเป็นการส่งสัญญาณห้แก่ผู้ให้กู้สามารถเพิ่มตอกเบี้ยกู้ยืมได้ ทำให้การกู้ยืมมีราคาที่แพงขึ้น และจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่จะลดภาวะเงินเอให้ชะลอตัวลง อันจะทำให้ค่าครองชีพปรับตัวลตลงตามไปต้วย

ความเห็นของ สคต. การที่ภาพรวมค่ครองชีพในเคนยาเริ่มปรับตัวลตลงบ้างในเดือนธันวาคมที่ผ่านมานั้น แสตงให้เห็นถึง กำลังซื้อของผู้บริโภคที่จะมีมากขึ้นตามสภาพเศรษฐกิจ ที่รัฐบาลพยายามจะลดภาระค่ครองชีพของประชาชนที่ยากจน เช่น การให้ปุ๋ยในราคาพิเศษกับเกษตรกร เพื่อส่งผ่านตันทุนที่สตลงของภาคเกษตร อันจะทำให้สินค้าด้านการเกษตรมีราคาที่ลตลงได้บ้าง และน่าจะมีมาตรการเพิ่มเติมออกมาเป็นระยะ! จนกว่ารัฐบาลจะควบคุมอัตราเงินเฟ้อให้ได้ตามกรอบเป้าหมายที่กำหนดไว้ใต้ที่ร้อยละ 7.5 ต่อเตือน ซึ่งจะต้องจับตาตูกันต่อไป

ทั้งนี้ ภายหลังการเลือกตั้งทั่วไป ภาคธุรกิจต่างมีความเชื่อมั่นในรัฐบาลชุดใหม่ว่าจะเข้ามาแก้ไขปัญหาด้านเศรษฐกิจของประเทศไต้ ทำให้เริ่มมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น และมีการจับจ่ายสินค้ามากขึ้นในช่วง 2 – 3 เตือนที่ผ่านมาโดยคาดการณ์ว่า เศรษฐกิจของเคนยาจะปรับตัวเพิ่มขึ้น +5.0% ในปี 2566 นี้

สำหรับประเทศไทย ผู้ส่งออกควรเร่งสร้างตลาดสินค้าส่งออกมาในเคนยาให้มากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจในเคนยายังมีความต้องการสินค้าหลายรายการจากไทย อาทิ ข้าว เม็ตพลาสติก ผลิตพลาสติก น้ำตาล อะไหล่รถยนต์ผลิตภัณฑ์ยาง เป็นต้น เพื่อเข้ามาผลิตสินค้าและบริโภคมากขึ้นกว่าปี 2565 อย่างแน่นอน โตยขึ้นอยู่กับว่า ราคาของสินค้าไทยมีความสามารถในการแข่งขันมากน้อยแค่ไหน

ผู้ส่งออกที่สนใจข้อมูลเพิ่มติมต่ง ๆ เกี่ยวประเทศเคนยา และประเทศในแอฟริกาตะวันออก ท่านสามารถติตต่อ
สอบถามไต้ที่ E-mail: ของสำนักงานฯ ที่ info@ocanairobi.co.ke

ที่มา : Business Daily