พิคเกิ้ลบอลล์ (Pickleball) เป็นหนึ่งในกีฬาที่มีอัตราการเติบโตรวดเร็วที่สุด หรือร้อยละ 39.3 มีจำนวนผู้เล่น 4.8 ล้านคน เพิ่มขึ้นเท่าตัวเมื่อเทียบจาก 5 ปีที่ผ่านมา

สมาคมอุตสาหกรรมกีฬาและการออกกำลังกายของสหรัฐฯ (Sports and Fitness Industry Association-SFIA) เปิดเผยว่า กีฬาพิคเกิ้ลบอลล์ได้ถูกยกระดับจากกีฬาสมัครเล่น กลายเป็นกีฬาระดับโปรหรือมืออาชีพ และมีการจัด การแข่งขัน อีกทั้ง กำลังจะถูกผลักดันให้เป็นกีฬาสาธิต (Demonstration Sport) ในการแข่งขันโอลิมปิกในปี 2571

ปัจจุบัน มี 3 องค์กรที่กำกับและบริหารจัดการกีฬาพิคเกิ้ลบอลล์ในสหรัฐฯ คือ สมาคม USA Pickleball Association สมาคม Professional Pickleball Association Tour (PPA Tour) และ สหพันธ์กีฬาพิคเกิ้ลบอลล์นานาชาติ (International Federation of Pickleball) ซึ่งขณะนี้มีจำนวนสมาชิกถึง 70 ประเทศ

กีฬาพิคเกิ้ลบอลล์ ถือกำเนิดในรัฐวอชิงตันเมื่อปี พ.ศ. 2508 เป็นกีฬาที่มีการเล่นคล้ายกับกีฬาเทนนิส ปิงปอง และแบตมินตัน ผสมกัน โดยมีอุปกรณ์ ไม้ตีหรือ Paddle ที่มีขนาดใหญ่กว่าไม้ปิงปอง 2 เท่าแต่เล็กกว่าไม้เทนนิส และเล่นกับลูกบอลพลาสติกปรุรู (Perforated Plastic Ball) ตีข้ามตาข่ายที่มีความสูง 34 นิ้ว โดยใช้สนามที่มีขนาดเท่ากับสนามแบตมินตัน เล่นได้ทั้งแบบคู่และแบบเดี่ยว และสามารถเล่นได้ทั้งในที่ร่มและกลางแจ้ง กลุ่มผู้เล่นกีฬาพิคเกิ้ลบอลล์เฉลี่ยอายุอยู่ที่ 38 ปี และกลุ่มอายุมากกว่า 55 ปีขึ้นไปเป็นผู้นิยมเล่นมากที่สุด แต่แนวโน้มของผู้เล่นในกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 54 ปี และกลุ่มเด็กและหนุ่มสาวมีจำนวนเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง สมาคม USA Pickleball ได้ระบุว่า กีฬา Pickleball ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนผู้เล่น จำนวนผู้ชมจากการถ่ายทอดผ่านสื่อออนไลน์ การสนับสนุน/สปอนเซอร์จากภาคเอกชนและจาก Sport Clubs บริษัทต่างๆ และกลุ่มโรงแรม Marriotts และ Omni Resorts ที่แจ้งว่าจะปรับเปลี่ยนสนามเทนนิสให้เป็นสนาม Pickleball และจะมีการสร้างสนามใหม่เพิ่มเติมอีกหลายแห่งทั้งจากภาคเอกชนและจากภาครัฐบาลท้องถิ่น ปัจจุบันสมาคมมีพาร์ทเนอร์ร่วมให้การสนับสนุนจากผู้ผลิตแบรนด์สินค้าต่างๆ ร่วม 24 ราย

ตลาดอุปกรณ์กีฬาในสหรัฐฯ

ตลาดอุปกรณ์เล่นกีฬาในสหรัฐฯ มีมูลค่าประมาณ 14,500 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2563 และคาดว่าจะเติบโตเป็น 16,750 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2568 ผู้นำตลาดอุปกรณ์เล่นกีฬาในสหรัฐฯ รายสำคัญ ได้แก่ “Wilson, Franklin Sports, Everlast, Penn, Riddle, Spalding, Taylor made เป็นต้น

ร้านค้าอุปกรณ์กีฬา เช่น Bass Pro Shop, Dick’s Sporting Goods, Cabela’s, Dunham Sporting Goods และ ร้านขายสินค้าให้ส่วนลด เช่น Walmart และ Target เป็นช่องทางหลักของการจัดจำหน่าย หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของยอดจำหน่าย อย่างไรก็ตาม การจำหน่ายทางอีคอมเมิร์ซมีอัตราการเติบโตสูงต่อเนื่อง หรือคิดเป็นร้อยละ 10 ในปัจจุบัน

การนำเข้าอุปกรณ์กีฬาของสหรัฐฯ

สหรัฐฯ นำเข้าอุปกรณ์กีฬาจากทั่วโลกในปี 2564 เป็นมูลค่า 12,018.20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 46.70 โดยมีจีนเป็นแหล่งนำเข้าสำคัญที่สุดหรือคิดเป็นร้อยละ 61 ของการนำเข้าทั้งหมด ไต้หวัน และ เวียดนามร้อยละ 20 และ ร้อยละ 4 ตามลำดับ

สหรัฐฯ นำเข้าจากไทยเป็นมูลค่า 196.52 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในปี 2564 ขยายตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 34.31 หรือมีสัดส่วนตลาดนำเข้าร้อยละ 1.64 สินค้านำเข้าที่สำคัญ ได้แก่ Golf Ball, Surf Board, Golf Bag, Tennis Ball, Balls, Ice Skate & Roller Skate เป็นต้น

ช่องทางและโอกาสของสินค้าไทย

สหรัฐฯ เป็นตลาดบริโภคอุปกรณ์กีฬาที่ใหญ่ที่สุดของโลก หรือมีสัดส่วนตลาดร้อยละ 20 และสินค้าอุปกรณ์กีฬาส่วนใหญ่เป็นสินที่ผลิตในต่างประเทศและนำเข้ามาจำหน่ายในสหรัฐฯ ซึ่งแสดงให้เห็นว่า ตลาดอุปกรณ์กีฬาของสหรัฐฯ ต้องพึ่งพาสินค้านำเข้าเป็นสำคัญ

อุปกรณ์กีฬาที่มีความต้องการสูงในตลาดสหรัฐฯ ได้แก่ Archery, Badminton, Baseball, Basketball, Bikes & Scooters, Bowling, Boxing, Canoeing, Darts & Dartboards, Exercise & Fitness, Figure Skating, Fishing, Football, Golf, Hiking, Ice Hockey, Inline & Roller Skating, Lawn Games, Paintball & Airsoft, Pickleball, Racquet Sports, Racquetball, Skateboarding, Skiing, Snowboarding, Soccer, Softball, Squash, Surfing, Table Tennis, Tennis, Volleyball และ Water Sports ซึ่งสินค้าหลายๆ รายการดังกล่าวนี้ คือโอกาสของผู้ผลิต/ส่งออกไทยในการนำเสนอเพื่อเพิ่มมูลค่าการส่งออกอุปกรณ์ของไทยในตลาดสหรัฐฯ

ที่มาข้อมูล : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครชิคาโก (กุมภาพันธ์ 2565)
www.npr.org

_____________________________________________
Website : http://ditp-overseas.com
Facebook: https://www.facebook.com/ditpoverseas
Youtube : https://bit.ly/36fT76e

#DITP #OMD2 #สพต2