
ในปี2566 คาดการณ์ว่าแนวโน้มธุรกิจค้าปลีก grocery store ของสหรัฐอเมริกาจะยังคงเป็นไปในทิศทางเดียวกับปี 2565 ที่ผ่านมา ปัญหาเรื่องห่วงโซ่อุปทานคาดว่าจะยังคงมีอยู่ในธุรกิจนี้ รวมทั้ง ผู้ซื้ออาจยังประสบปัญหาการขาดแคลนสินค้าในบางประเภทในช่วงเทศกาลที่ผ่านมา พบว่าการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มมากขึ้น เป็นไปในทิศทางเดียวกับอัตราการจ้างงานของสหรัฐอเมริกาที่เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม หลังช่วงเทศกาลวันหยุดผ่านพ้นไป สิ่งที่จะเกิดขึ้นในตลาดผู้บริโภค คือ การจับจ่ายและยอดขายที่ลดลงตามฤดูกาล ซึ่งปัจจัยนี้จะเป็นตัวบ่งชี้เศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่แท้จริงในปี2566
Winsight Grocery Business นิตยสารที่รวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับตลาดธุรกิจค้าปลีกและซูเปอร์มาร์เก็ต รวมทั้งแนวโน้มทางการตลาด ได้คาดการณ์แนวโน้มธุรกิจค้าปลีก grocery store ในปี2566 ของสหรัฐอเมริกา แบ่งเป็น 10 ข้อ ดังนี้
1.การหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี2566 หลายคนตั้งคําถามว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ประสบกับภาวะถดถอยในปี2565 ที่ผ่านมาแล้วหรือไม่ เนื่องจากผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศใน 2 ไตรมาสแรกของปี 2565 ลดลงร้อยละ -1.6และ 0.6 ตามลําดับ ซึ่งแม้ว่าสิ่งนี้จะเป็นไปตามคําจํากัดความทางเทคนิคของภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่ยอดค้าปลีกและการใช้จ่ายของผู้บริโภคชาวอเมริกันยังคงแข็งแกร่งตลอดทั้งปีและอัตราการว่างงานยังคงอยู่ในระดับต่ําเป็นประวัติการณ์ ซึ่งไม่ใช่ลักษณะทั่วไปของภาวะเศรษฐกิจถดถอย นอกจากนี้ ความพยายามของรัฐบาลกลางในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อเริ่มได้ผลและอาจมีความสมดุลเพียงพอที่จะหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี2566
2.Grocery store จะกลายเป็นคู่แข่งสําคัญของร้านอาหาร ผู้บริหารในธุรกิจค้าปลีกได้ตั้งข้อสังเกตว่าพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เลือกรับประทานอาหารที่บ้านมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลังจากสถานการณ์การระบาดของโควิด-
19 รวมทั้ง กลุ่มผู้บริโภคอีกจํานวนมากยังคงทํางานที่บ้าน (work from home) ส่งผลให้Grocery store เริ่มนําเสนออาหารแบบ Grab & Go ที่รองรับความต้องการของลูกค้ากลุ่มนี้ ซึ่งพบว่าได้รับการตอบรับที่ดี และเชื่อว่ามีแนวโน้มที่จะขยายตัวมากขึ้น อีกทั้งซูเปอร์มาร์เก็ตเอง ต่างเพิ่มตัวเลือกให้มีอาหารแบบ Grab & Go ที่ผู้บริโภคซื้อและสามารถนํากลับไปทานที่บ้านได้เลย เพิ่มความสะดวกสบายและรวดเร็ว
3.สถานการณ์เงินเฟ้อลดลง ผู้บริโภคเริ่มเห็นสัญญาณของอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงแล้ว เนื่องจากการเติบโตของดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผลิตภัณฑ์สินค้าของชําได้ปรับตัวลดลงตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา การลดลง
ของแรงกดดันด้านราคาน่าจะทําให้ผู้บริโภคจํานวนมากกล้าใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจได้เป็นอย่างดี
4.ยอดขายของ Grocery store ยังคงอยู่ในระดับสูง เมื่อปี 2563 ก่อนเหตุการณ์การระบาดของโควิด-19 ยอดขายของชําออนไลน์ลดลง จนกระทั่งเกิดการระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ยอดขายมีการเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วโดยเมื่อเทียบกับช่วงก่อนเกิดการระบาด ยอดขายของชําออนไลน์สูงขึ้น 3-4 เท่า และยังมีแนวโน้มว่าจะคงอยู่และขยายตัวอย่างต่อเนื่อง ผู้ค้าปลีกจํานวนมากได้รับประโยชน์จากผู้ซื้อของชําออนไลน์และต่างปรับแต่งรูปแบบธุรกิจอีคอมเมิร์ซของตนเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยสร้างผลกําไรและสร้างฐานลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น
5.กระแสเทคโนโลยีกําลังมาแรง ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการความสะดวกสบายในการชําระเงินเพิ่มมากขึ้น พวกเขาต้องการข้ามขั้นตอนในการชําระเงินภายในร้านค้า โดยมองหาตัวเลือกอย่าง 1) scan & go บริการที่ลูกค้าสามารถเลือกซื้อสินค้าและสแกน QR Code ที่หน้าร้านผ่านโทรศัพท์ และสามารถเลือกวันที่และเวลาที่ต้องการให้ไปส่งสินค้าได้เพียงใส่ที่อยู่สําหรับจัดส่ง แล้วชําระเงิน สินค้าก็จะส่งตรงไปถึงหน้าบ้านของลูกค้าตามเวลาที่ลงไว้ทันที ซึ่งลูกค้าไม่จําเป็นจะต้องถือสินค้ามากมายด้วยตัวเอง 2)smart shopping cart รถเข็นอัจฉริยะ โดย Amazon ได้ทําเทคโนโลยีนี้มาใช้ภายใต้ชื้อ Dash Cart นวัตกรรมใหม่ของการช้อปปิ้งในยุค New Normal รถเข็นอัจฉริยะนี้จะมีหน้าจอมอนิเตอร์และตัวอ่านบาร์โค้ดรวมทั้งเชื่อมต่อกับระบบ prepaid card ลูกค้าสามารถเช็คราคาสินค้าก่อนหย่อนลงตะกร้า สินค้าที่ใส่ลงตะกร้าจะแสดงรายการบนหน้าจอ ซึ่งทําให้ผู้ซื้อสามารถทราบยอดรวมราคาสินค้าที่อยู่ในรถเข็นได้ตลอดเวลาว่ายอดรวมเกินงบประมาณที่ตั้งไว้หรือไม่ ถ้าไม่ต้องการสินค้าตัวไหนแค่หยิบออกจากรถเข็นระบบก็จะจัดการลบรายการนั้นออกทันทีและ 3) Just Walk Out เทคโนโลยีร้านค้าไร้แคชเชียร์ที่ Amazon Go เริ่มนํามาใช้ และกําลังกลายเป็นเมกะเทรนด์ของโลก เทคโนโลยีJust Walk Out เป็นเทคโนโลยีชําระค่าสินค้า โดยลูกค้าเพียงเดินเข้ามาหยิบสินค้าที่ต้องการภายในร้าน และสามารถเดินออกไปได้ทันทีโดยไม่ต้องหยุดหรือต่อคิวเพื่อชําระสินค้าในแบบเดิม ซึ่งภายในร้านจะมีการติดตั้งกล้องและเซนเซอร์หลายจุดเพื่อตรวจจับสินค้าทุกชิ้นที่ลูกค้าหยิบ และจะดําเนินการชําระเงินค่าสินค้าโดยอัตโนมัติทันทีเมื่อลูกค้าเดินออกจากร้าน ซึ่งจะเห็นว่าการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในความต้องการของผู้บริโภครวมกับเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นใหม่นี้จะนําไปสู่การพัฒนาซูเปอร์มาร์เก็ตแห่งอนาคต
6.การปรับปรุงร้านค้า Grocery store ให้ดึงดูดใจลูกค้า ร้านขายของชําออนไลน์กลายเป็นตัวเลือกที่ ผู้บริโภคใช้บริการอย่างมากหลังจากการระบาดของโควิด-19 ทําให้ร้านค้าได้ปรับตัวเพิ่มการลงทุนในตลาดอีคอมเมิร์ซอย่างรวดเร็ว เพื่อรองรับต่อความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตามปัจจุบันสถานการณ์โควิดได้คลี่คลายลงผู้บริโภคส่วนใหญ่เริ่มกลับมาซื้อสินค้าภายในร้าน กลยุทธ์ที่สําคัญของธุรกิจร้านขายค้า คือ ปรับปรุงหน้าร้านค้าให้ดีขึ้นพร้อมเพิ่มนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ให้ความสะดวกสบายแก่ลูกค้า เพื่อดึงดูงฐานลูกค้าจากออนไลน์ให้มาช้อปภายในร้านมากขึ้น
7.ยอดขายของสินค้า Grocery มีส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้น การใช้จ่ายของลูกค้าเป็นตัวแปรสําคัญที่ส่งผลให้ยอดขายของชํามีส่วนแบ่งทางการตลาดมากขึ้น ซึ่งแม้ว่าจะมีการคาดการณ์ว่าภาวะเงินเฟ้อจะคงอยู่ในปี2566 แต่คาดว่าจะผ่อนคลายลงไปกว่าปีที่ผ่านมา จึงนับว่าเป็นผลดีต่อยอดขายของสินค้า Grocery อย่างไรก็ตามร้านขายของชําจะต้องคํานึงถึงตัวแปรหลักในการตัดสินใจซื้อของลูกค้าในยุคปัจจุบันอยู่เสมอ ซึ่งได้แก่ ปัจจัยด้าน
ราคา ด้านคุณภาพ และความสะดวกสบาย
8.Private Label แบรนด์ที่มีร้านค้าปลีกเป็นเจ้าของแบรนด์ นอกจากปัจจัยด้านราคา ด้านคุณภาพด้านความสะดวกสบายแล้ว ปัจจัยด้านมูลค่าก็มีส่วนสัมพันธ์กับการตัดสินใจเลือกซื้อผลิตภัณฑ์ของลูกค้า ลูกค้ามองหาผลิตภัณฑ์Private Label มากขึ้น ซึ่งมีราคาย่อมเยา คุณภาพดี การที่ร้านค้าสามารถปรับราคาให้สินค้าในแบรนด์Private Label ไม่แพงจนเกินไป อาจจะโน้มน้าวลูกค้าให้ซื้อแบรนด์ของตนได้มากขึ้น ทั้งนี้ ลูกค้าปัจจุบันคาดหวังว่าภายในร้านค้าหรือซูเปอร์มาร์เก็ตจะมีผลิตภัณฑ์จากแบรนด์ของทางร้านวางจําหน่ายเพิ่มมากขึ้น
9.การควบรวมกิจการของ Kroger-Albertsons จะใช้เวลานานขึ้น เมื่อช่วงเดือนตุลาคม 2565 ที่ผ่านมา ห้าง Kroger ประกาศการเข้าซื้อกิจการห้าง Albertsons โดยตกลงที่ราคา 24.6 พันล้านเหรียญสหรัฐ อาจจะไม่เป็นไปตามกําหนดที่จะปิดการซื้อขายในช่วงต้นปี2567 เนื่องจากการควบรวมกิจการค้าปลีกขนาดใหญ่ยังต้องพิจารณาถึงอํานาจต่อรองที่เพิ่มมากขึ้นของบริษัทภายหลังการควบรวมต่อคู่ค้า และกฎระเบียบในด้านต่างๆ ที่ยังไม่แน่นอน ซึ่งภาครัฐจะต้องมั่นใจว่าจะควบรวมกิจการในครั้งนี้จะเป็นธรรมและผลดีต่อผู้บริโภคในภาพรวม
10.การควบรวมกิจการของร้านค้าปลีกจะมีให้เห็นมากขึ้น การควบรวมกิจการขนาดใหญ่ของ Kroger-Albertson แม้ว่าจะยังไม่มีความแน่นอน แต่ Kroger ก็ยังคงเดินหน้ามองหาการควบรวบกิจการหรือเข้าซื้อคู่แข่งหรือผู้ประกอบการรายเล็กมากขึ้นในตลาดสําคัญๆ การควบรวมกิจการนี้สอดคล้องกับกลยุทธ์ที่จะขยายธุรกิจของKroger ให้เติบโตขึ้น ด้วยการเจาะเข้าไปในตลาดใหม่ๆ และเพื่อเป็นการเพิ่มช่องทางการขายสินค้าของทางบริษัทในครอบคลุมมากยิ่งขึ้น