It is a long established fact that a reader will be distracted by the readable content of a page when looking at its layout.
ธุรกิจหลักของบริษัท Tier Mobility มุ่งเน้นการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (Electromobility) โดยบริษัทฯ ทำธุรกิจเปิดให้เช่ารถ e-Scooter ใน 180 เมือง ของ 17 ประเทศ ถึงแม้ที่ผ่านมาบริษัทฯ จะมุ่งเน้นทำธุรกิจด้วยการใช้พลังงานไฟฟ้า แต่การ Service ภายในของบริษัทฯ โดยเฉพาะการเปลี่ยนแบตเตอรี่รถของบริษัทฯ นั้น กลับต้องพึ่งพิงการใช้รถยนต์ที่ใช้น้ำมันเชื้อเพลิงในการขนส่งอยู่เลย ดังนั้น บริษัทฯ จึงวางแผนว่า จะเปลี่ยนแปลงเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด โดยได้ให้บริษัท MAN รับหน้าที่ใช้รถขนส่งไฟฟ้าจำนวน 130 คัน ให้กับบริษัทฯ ซึ่งได้เริ่มใช้งานไปแล้วในเยอรมนีและสหราชอาณาจักร และจะทยอยใช้ในอีก 25 เมืองต่อไป ด้านนาย Patrik Grundmann โฆษกของบริษัท Tier Mobility เปิดเผยว่า “การนำรถไฟฟ้าของ MAN ในรุ่น eTGE (ขับเคลื่อนได้ 130 กิโลเมตร) เข้ามาช่วยขนส่งแบตเตอรี่/สินค้าต่าง ๆ นั้นนับว่าได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในช่วงระหว่างการทดลองใช้ และพนักงานสามารถทำงานได้ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้” และเมื่อพิจารณาเปรียบเทียบกับระยะเวลาที่ใช้ไปในการชาร์ตพลังงาน ก็พบว่า แทบไม่มีความแตกต่างกับรถขนส่งที่ใช้น้ำมันดีเซลแต่อย่างใด สำหรับ รถขนส่งรุ่น eTGE นั้น สามารถชาร์ตพลังงานจาก 0% ถึง 80% ในเวลาเพียง 45 นาที ซึ่งนาย Grundmann กล่าวว่า “รถไฟฟ้าขนส่งรุ่น eTGE นี้สามารถชาร์ตพลังงานได้ในช่วงพักรับประทานอาหารเที่ยงหรือในช่วงกลางคืน และการที่บริษัทฯ ได้หันไปใช้รถยนต์ขนส่งไฟฟ้าแทนนั้น บริษัทฯ ไม่ได้เล็งเห็นประโยชน์ในด้านต้นทุนค่าใช้จ่าย (Cost Benefit Consideration) เพียงอย่างเดียว หากแต่การใช้รถยนต์ขนส่งไฟฟ้านี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเจริญเติบโตของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นความยั่งยืนด้านพลังงาน” และเมื่อพิจารณาราคาน้ำมันในปัจจุบัน อาจพบว่า บริษัทฯ น่าจะสามารถประหยัดต้นทุนได้มากกว่า จึงเป็นไปได้ว่า การลงทุนใช้รถไฟฟ้าเข้ามาขนส่งสินค้า/แบตเตอรี่นั้น เป็นการลงทุนที่คุ้มค่า อย่างไรก็ดี อาจมีข้อกังวลเรื่องสภาพของแบตเตอรี่ที่อาจจะเสื่อมเร็ว แต่ทางบริษัท MAN ก็ออกมาชี้แจงแล้วว่า MAN รับประกันแบตเตอรี่ว่าจะสามารถใช้งานได้ 8 ปีหรือ 160,000 กิโลเมตร
การที่ Tier Mobility ผันตัวเองเข้าสู่ระบบการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยพลังงานไฟฟ้านั้น นับเป็นเรื่องที่ทันยุคทันสมัย ซึ่งจากแบบสอบถามของ Dataforce พบว่า กว่า 1 ใน 3 ของผู้ประกอบธุรกิจที่ต้องใช้รถขนส่ง/รถบรรทุก มีความประสงค์ที่จะปรับไปใช้ e-Transporter แทนรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์กันมากขึ้น และจากรายงานดังกล่าวยังได้ระบุอีกว่า ปัจจุบันการใช้งานรถขนส่งไฟฟ้ายังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนัก แต่มีสัดส่วนโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้นจาก 3.4% เป็น 5.3% ในปีที่ผ่านมา และมีแนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้าอย่างแน่นอน นอกจากนี้ Dataforce ยังได้เปิดเผยเพิ่มเติมอีกว่า ผู้ผลิตจำนวนมากในเยอรมนีได้เปิดตัว eTransporter รุ่นต่าง ๆ ออกสู่ตลาด
บริษัท McKinsey บริษัทที่ปรึกษาได้ทำการคาดการณ์ว่า ในปี 2030 จะมีการใช้งานรถขนส่งหรือรถบรรทุกไฟฟ้ากว่า 54% ของรถขนส่งทั้งหมดในยุโรป โดยนาย Brand Heid ตำแหน่ง Senior Partner ของบริษัท McKinsey ได้เปิดเผยว่า “เมื่อนำเงินสนับสนุนที่ได้รับจากรัฐบาลไปคำนวณร่วมกับราคาต้นทุนที่ใช้ e-Transporter ต่อกิโลเมตร ก็จะพบว่า มีต้นทุนถูกกว่าที่ใช้รถยนต์ดีเซล” อีกหนึ่งปัจจัยที่จะมีส่วนกระต้นให้มีการใช้รถไฟฟ้ามากขึ้น ก็คือ แนวโน้มที่จะมีการบังคับใช้มาตรการห้ามใช้รถยนต์ดีเซลในพื้นที่ใจกลางเมือง โดยนาย Heid ชี้แจงว่า “ผู้นำด้านการใช้งาน e-Transporter คือ กลุ่มผู้ประกอบธุรกิจขนส่งอาหาร เนื่องจากผู้ประกอบการกลุ่มนี้ต้องให้ความสำคัญกับความยั่งยืนมากเป็นพิเศษ จึงไม่สามารถที่จะปฏิเสธการใช้งาน e-Transporter ได้ ประกอบการการขนส่งสินค้ากลุ่มนี้จะเห็นว่า ส่วนใหญ่ในแต่ละครั้งมีระยะทางไม่เกิน 60 กิโลเมตร เท่านั้น จึงเป็นเรื่องง่ายที่จะคำนวนค่าใช้จ่ายในการใช้งาน e-Transporter
สำหรับ ผู้นำที่ใช้งานระบบ e-Transporter ของเยอรมนีในปัจจุบัน คือ Deutsche Post เนื่องจากในได้ซื้อกิจการของกิจการ Start Up อย่างบริษัท Streetscooter ไปเมื่อปี 2014 และในปัจจุบัน Streetscooter ได้ผลิต e-Transporter ไปแล้วกว่า 17,000 คัน แต่ Streetscooter ก็ยังไม่สามารถทำกำไรในการขายสินค้า e-Transporter ได้ และยังอยู่ในช่วงขาดทุน โดยปี 2020 Streetscooter ขาดทุน 318 ล้านยูโร ปี 2021 Streetscooter ก็ยังขาดทุน 115 ล้านยูโร แต่เป็นการขาดทุนที่น้อยลง ซึ่งล่าสุด Deutsche Post ได้ตัดสินใจขาย Streetscooter ให้กับบริษัท Odin Automotive ไปแล้ว อย่างไรก็ดี แม้ทางด้าน Deutsche Post ได้ขาย Streetscooter ไปแล้ว แต่ Deutsche Post ก็ยังคงซื้อ Scooter จากOdin Automotive ต่อไป โดยได้เซ็นสัญญาซื้อ Scooter ไปแล้ว 9,500 คัน ซึ่งขณะนี้บริษัท Odin Automotive ได้ประกาศเริ่มผลิตรถในเมือง Düren และนาง Veronica Grigoriou ผู้อำนวยการด้านประชาสัมพันธ์ของบริษัท Odin ได้เปิดเผยว่า “เราสามารถผลิตรถยนต์รุ่นปัจจุบันได้ 30,000 คันต่อปี และ ในเวลานี้ผู้ประกอบธุรกิจขนส่งรายอื่น ๆ ก็ให้ความสนใจต่อสินค้า Streetscooter ของบริษัท Odin มากขึ้น โดยพบว่า รถรุ่นนี้ยังจะสามารถจำหน่ายต่อไปได้ และอาจจะมีการเปลี่ยนแปลงด้านแบตเตอรี่ให้สามารถเดินทางได้ไกลขึ้น เพื่อที่จะสามารถบุกตลาดอื่น ๆ อย่างส่งตลาดสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
แน่นอนที่ตลาด e-Transporter เริ่มเป็นตลาดที่น่าสนใจเพราะมีความต้องการมากขึ้นในตลาด ล่าสุดบริษัท Mercedes-Benz Vans ก็ได้นำเสนอรายงานเกี่ยวกับ e-Sprinter ที่เหมาะสมกับการส่งพัสดุออกมา เช่น การเปิด-ปิดประตูอัตโนมัติ สายรัดเข็มขัดแบบมีเครื่องทำความร้อนในตัว เป็นต้น แต่ในรายงานดังกล่าวก็ยังไม่แสดงให้ทราบว่า ทางบริษัทฯ จะสามารถผลิตในเชิงอุตสาหกรรมได้เมื่อไหร่
ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ
การปรับตัวสู่ยุคแห้งการขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้านั้น ไม่ใช่แค่เพียงแค่ปรับรถยนต์นั่งส่วนบุคคลให้หันมาใช้พลังงานทางเลือกเท่านั้น แต่ต้องปรับทุก ๆ การขับเคลื่อนเพื่อลดการผลิตค่า CO2 ออกมา ซึ่งการขนส่งสินค้าและพัสดุในเมืองนั้น เทรนด์ e-transporter ก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะส่วนใหญ่บริษัทขนส่งส่วนใหญ่ใช้รถรุ่นเดียวกัน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงรถแต่ละรุ่นก็จะมีการสั่งซื้อรุ่นใหม่เพื่อนำมาใช้งานพร้อมกันเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะเป็นอีกตลาดที่น่าสนใจต่อผู้ประกอบการไทย
ที่มาข้อมูล : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงเบอร์ลิน (มึนาคม 2565)
Handelsblatt
_____________________________________________
Website : http://ditp-overseas.com
Facebook: https://www.facebook.com/ditpoverseas
Youtube : https://bit.ly/36fT76e
#DITP #OMD2 #สพต2