
ปัจจุบัน ธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตมีการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัด ผู้คนส่วนใหญ่เริ่มหันมาให้ความสนใจในการสั่งสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น โดยพบว่าผู้บริโภคชาวอเมริกันกว่า 7.2% สั่งซื้อสินค้า grocery ผ่านช่องทางออนไลน์อย่างเดียวเป็นประจำ ซึ่งเพิ่มขึ้นมากจากในช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ที่มีสัดส่วนเพียง 0.2% และมีผู้บริโภคกว่า 39% ที่เลือกซื้อสินค้าผ่าน 2 ช่องทางทั้งทางออนไลน์ และทางซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป สำหรับกลุ่มลูกค้าที่ซื้อสินค้า grocery ออนไลน์นั้น พบว่าจะเป็นลูกค้าในกลุ่ม Millennials (64.3%) และ GenZ (58.6%) เป็นส่วนใหญ่ นอกจากนี้ยังพบว่า ผู้บริโภคที่มีรายได้สูงจะมีแนวโน้มที่จะซื้อสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตผ่านช่องทางออนไลน์มากกว่าผู้บริโภคที่มีรายได้น้อยกว่า เนื่องจากเหตุผลด้านความสะดวกสบาย
ในด้านการเลือกซื้อสินค้า พบว่าด้วยสถานการณ์เงินเฟ้อสูงในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้บริโภค มีการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้ามากขึ้น โดยชาวอเมริกันกว่า 48% ลดการซื้ออุปกรณ์ทำความสะอาดบ้าน และ 36% ลดการซื้อสินค้าบำรุงสุขภาพ รวมถึงลดการซื้ออาหารกระป๋องและขนมคบเคี้ยวลงอีกด้วย อย่างไรก็ตาม พบว่า สินค้าอาหารสัตว์ อาหารสำเร็จรูป และสินค้าอาหารในหมวดหมู่ Specialty Food เช่น ชีส คาเวียร์ รวมถึงอาหารอื่น ๆ ที่มีความพิเศษและแปลกใหม่ ยังคงได้รับความนิยม นอกจากนี้ ผู้บริโภคชาวอเมริกันยังให้ความสำคัญด้านสุขภาพเป็นหลัก ผู้คนต่างชื่นชอบและต้องการซื้อสินค้าที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ มีโปรตีนสูง แคลอรี่ต่ำ ปราศจากสารปรุงแต่ง ทั้งนี้ ผู้บริโภคชาวอเมริกันกว่า 23% ต้องการสินค้าอาหารที่ตัวบรรจุภัณฑ์สามารถนำไปรีไซเคิลได้ เนื่องจากส่วนใหญ่หันมาให้ความสำคัญกับสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมกันมากขึ้น
สำหรับในสหรัฐฯ ซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Walmart Kroger Costco Target และ TraderJoe’s และสำหรับซุปเปอร์มาร์เก็ตเอเชีย เช่น H-Mart (สัญชาติเกาหลี) 99 Ranch Market (สัญชาติไต้หวัน) และ GreatWall (สัญชาติจีน) สำหรับบริษัทที่เป็นผู้นำในตลาดขายสินค้า Grocery ออนไลน์ในสหรัฐฯ ได้แก่ Walmart รองลงมา ได้แก่ Amazon และ Kroger ตามลำดับ ทั้งนี้ ในปัจจุบัน ได้มีซุปเปอร์มาร์เก็ตออนไลน์รายเล็กหลากหลายเจ้าเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น Gopuff , Thrivemarket , Shipt , Vitacost และ Imperfect foods นอกจากนี้ เว็บไซต์จำหน่ายสินค้า Grocery จากเอเชียก็มีการขยายตัวมากขึ้น เช่น Weee (sayweee.com) Umamicart (umamicart.com) Yamibuy (yamibuy.com) และ H Mart (hmart.com) เป็นต้น
หากผู้ประกอบการไทยสนใจส่งออกสินค้า Grocery มายังสหรัฐฯ ควรศึกษาและใส่ใจ ในเรื่องของอาหารเพื่อสุขภาพให้มากขึ้น เพื่อนำมาพัฒนาตัวสินค้าและผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ ความต้องการของผู้บริโภคชาวอเมริกัน ซึ่งอาจเพิ่มการเจาะตลาดด้วยช่องทางออนไลน์เป็นการขยายโอกาสในการส่งออกสินค้ามายังสหรัฐฯ มากขึ้น
ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไทยมีข้อสงสัยหรือคำถามเพิ่มเติม สามารถติดต่อได้ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก รวมทั้งสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารทางการค้าได้ที่ https://ditp-overseas.com
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก