เนื้อหาสาระข่าว สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทอบแห้งด้วยความเย็น (Freeze Dried) ได้รับความนิยมสูงในระหว่างการจัดงานแสดงสินค้า Global Pet Expo 2022 ณ เมืองออแลนโด รัฐฟลอริดา ระหว่างวันที่ 23 – 25 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งงานดังกล่าวถือเป็นงานแสดงสินค้าและบริการเกี่ยวข้องกับสัตว์เลี้ยงที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ จัดขึ้นเป็นประจำทุกปี (ยกเว้นปี 2564 ที่ยกเลิกการจัดงานเนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19) โดยสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทดังกล่าวสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในตลาดที่ปัจจุบันให้ความสนใจเลือกซื้อสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่มีการปรุงแต่งน้อยเพื่อเพิ่มความปลอดภัยของสุขภาพสัตว์เลี้ยงในระยะยาว อีกทั้ง การจัดเก็บยังทำได้ง่ายไม่เสี่ยงต่อการเน่าเสียหายเหมือนอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทสด (Raw Pet Food) ซึ่งเป็นที่นิยมในกลุ่มผู้บริโภคชาวอเมริกันมากในช่วงก่อนหน้านี้ นอกจากนี้ สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงดังกล่าวยังช่วยให้ผู้ประกอบสามารถบริหารจัดการวัตถุดิบและเศษวัสดุจากการผลิตได้อย่างมีประสิทธิภาพและส่งเสริมปัจจัยด้านความยั่งยืนทางธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมซึ่งเป็นปัจจัยที่ผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดให้ความสำคัญมากอีกด้วย

Ms. Amy Snell ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายขาย บริษัท Northwest Naturals ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงรายใหญ่ในตลาดสหรัฐฯ กล่าวว่า บริษัทได้เล็งเห็นโอกาสและหันไปลงทุนผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอบแห้งด้วยความเย็นมาเป็นเวลานานพอสมควรแล้ว อีกทั้ง บริษัทฯ ยังได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ให้มีความน่าสนใจและสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคในตลาดในปัจจุบันที่สนใจเลือกซื้อสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงมากขึ้นด้วย โดยล่าสุดได้พัฒนาสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงอบแห้งด้วยความเย็นโดยได้เติมสารอาหารหรือวัตถุดิบที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยง เช่น ขมิ้นชันที่ช่วยส่งเสริมระบบภูมิคุ้มกันและระบบขับถ่ายของสัตว์เลี้ยง และหอยแมลงภู่นิวซีแลนด์ที่มีสารให้ประโยชน์สำหรับข้อต่อสัตว์เลี้ยง เข้าไปในผลิตภัณฑ์ด้วยเพื่อดึงดูดความสนใจของผู้บริโภคในตลาด

ในช่วงที่ผ่านมาผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดให้ความสนใจเลือกซื้อสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทสดค่อนข้างมากเนื่องจากเชื่อว่าการให้สัตว์เลี้ยงรับประทานอาหารสดจะช่วยส่งเสริมระบบการย่อยอาหารและสุขภาพฟันของสัตว์เลี้ยงให้ดีขึ้น การผลิตสินค้าประเภทดังกล่าวผู้ผลิตจะใช้ระบบการฆ่าเชื้อโรคแบบพาสเจอร์ไรซ์ในการผลิตเพื่อให้ปลอดภัยและเป็นไปตามมาตรฐานความปลอดภัยของการจำหน่ายสินค้าในตลาด ซึ่งในส่วนของผู้บริโภคเองจะต้องระมัดระวังการจัดเก็บสินค้าอาหารดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดการปนเปื้อนของเชื้อโรคและแบคทีเรียซึ่งอาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงได้ โดยส่วนมากผู้บริโภคมักจะเลือกใช้วิธีการเก็บรักษาแบบแช่แข็งทำให้การใช้งานแต่ละครั้งค่อนข้างยุ่งยากและลำบาก ดังนั้น สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทอบแห้งด้วยความเย็นจึงน่าจะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในตลาดให้สามารถบริโภคสินค้าที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพสัตว์เลี้ยงเช่นเดียวกันกับสินค้าอาหารประเภทสดในขณะที่การจัดเก็บได้ง่ายและสะดวกมากขึ้น

โดยภายในงานยังมีการแสดงสินค้าอาหารและขนมขบเคี้ยวที่น่าสนใจหลายรายการบางชนิดเป็นสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทอบแห้งด้วยความเย็นที่สามารถให้สัตว์เลี้ยงบริโภคได้ทันทีซึ่งส่วนมากจะเป็นกลุ่มขนมขบเคี้ยวและของรางวัล (Snacks and Treats) อีกทั้ง ยังมีสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทอบแห้งด้วยความเย็นที่ต้องทำการคืนน้ำ (Rehydrated) ก่อนการบริโภคด้วย โดยสินค้าที่น่าสนใจ ได้แก่ หัวใจวัวดิบอบแห้งสำหรับสุนัข แบรนด์ “West Paw” และ ปลาแมคเคอเรลดิบอบแห้งสำหรับแมวแบรนด์ “PureBites” เป็นต้น

Mr. Zack Franke ตำแหน่ง ผู้จัดการฝ่ายขายองค์กรขนาดใหญ่ บริษัท Grandma Lucy’s สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมือง Rancho Santa Margarita รัฐแคลิฟอร์เนีย ระบุว่า สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทอบแห้งด้วยความเย็นที่ต้องเติมน้ำก่อนใช้ (Add-Water Category) ได้รับความนิยมจากผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดมากอย่างเห็นได้ชัด โดยล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวสายผลิตภัณฑ์อาหารสัตว์เลี้ยงประเภทอบแห้งใหม่แบรนด์ “Three Bears” ภายในงานแสดงสินค้า โดยสินค้าดังกล่าวมีจุดเด็นในการเพิ่มวัตถุดิบธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ตในผลิตภัณฑ์ที่อุดมไปด้วยกรดอะมิโนซึ่งจำเป็นและมีประโยชน์ต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงและสามารถช่วยลดโอกาสการเกิดอาการกล้ามเนื้อหัวใจโต (Dilated Cardiomyopathy) ในสัตว์เลี้ยงได้ด้วย

นอกจากนี้ Mr. Franke ยังกล่าวว่า ปัจจัยสำคัญที่มีส่วนทำให้ผู้บริโภคชาวอเมริกันในตลาดเริ่มหันไปเลือกใช้สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทอบแห้งมากขึ้น เนื่องจากเทคโนโลยีการอบแห้งด้วยความเย็นสามารถรักษาสารอาหารและวิตามินในอาหารได้ครบอย่างถ้วน นอกจากนี้ กระบวนการคืนน้ำ (Rehydrated) เพื่อใช้งานทำได้ง่ายสะดวกรวดเร็วไม่จำเป็นต้องรอนานเมื่อเทียบกับอาหารอบแห้งด้วยวิธีอื่น 

บทวิเคราะห์: ตลาดสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ มีขนาดใหญ่และมีอัตราการขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะในช่วงระหว่างที่เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด – 19 ที่ทำให้ชาวอเมริกันบางส่วนจำเป็นต้องหยุดอยู่บ้านตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดจึงทำให้ชาวอเมริกันบางส่วนตัดสินใจเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นเพื่อนและคลายเหงา โดยในปี 2563 จำนวนครอบครัวอเมริกันที่มีสัตว์เลี้ยงปรับตัวเพิ่มจำนวนขึ้นสูงสุดเป็น 90.5 ครัวเรือนหรือคิดเป็นร้อยละ 70 ของจำนวนครอบครัวในสหรัฐฯ ทั้งหมด อีกทั้ง ชาวอเมริกันยังมีแนวโน้มใช้จ่ายเงินสำหรับสัตว์เลี้ยงเพิ่มขึ้นเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.04 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 อีกด้วย โดยค่าใช้จ่ายส่วนใหญ่ราวร้อยละ 40.54 ของทั้งหมดคิดเป็นมูลค่าประมาณ 4.20 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐถูกใช้จ่ายไปเพื่อการซื้อสินค้าอาหารและขนมขบเคี้ยวสำหรับสัตว์เลี้ยง (Pet Food and Treats) อีกทั้ง ยังมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นมูลค่า 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2569 หรือคิดเป็นอัตราการขยายตัวเฉลี่ยร้อยละ 3.55 ต่อปี

สินค้าอาหารสุนัขและแมวเป็นสินค้าที่มีสัดส่วนตลาดสูงสุดในกลุ่มสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงและถือเป็นสินค้าที่มีศักยภาพสูงที่สุดในตลาด ปัจจุบันผู้บริโภคชาวอเมริกันในมีพฤติกรรมการดูแลสัตว์เลี้ยงเปรียบเสมือนการดูแลสมาชิกในครอบครัวและมักจะใช้จ่ายเงินเพื่อเลือกซื้อสินค้าและบริการคุณภาพสูงและราคาแพงที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพของสัตว์เลี้ยงในระยะยาว เช่น สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงธรรมชาติ สินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงเกษตรอินทรีย์ และสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงโปรตีนสูง เป็นต้น โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภค Millennials และ Generation Z ที่ปัจจุบันเป็นกลุ่มที่มีจำนวนประชากรและกำลังการซื้อสูงที่สุดในสหรัฐฯ ซึ่งมักจะให้ความสำคัญกับการเลือกซื้อสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงมากและใช้จ่ายเงินเพื่อซื้อสินค้าและบริการสำหรับสัตว์เลี้ยงสูงเป็นมูลค่าเฉลี่ยประมาณ 755 ดอลลาร์สหรัฐต่อปี

ในส่วนของมูลค่าการนำเข้านั้น สหรัฐฯ มีมูลค่าการนำเข้าสินค้าอาหารสุนัขและแมวในปี 2564 เป็นมูลค่าทั้งสิ้น 1.45 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือขยายตัวร้อยละ 22.18 เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกันกับการขยายตัวของตลาดสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ปัจจุบัน โดยประเทศไทยยังถือเป็นแหล่งนำเข้าสินค้าอาหารสุนัขและแมวที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐฯ มีสัดส่วนการนำเข้าสูงสุดเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 533.57 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 36.88 ของมูลค่าการนำเข้าทั้งหมดของสหรัฐฯ รองลงมา ได้แก่ แคนาดา (ร้อยละ 22.92) จีน (ร้อยละ 12.92) เวียดนาม (ร้อยละ 4.39) และนิวซีแลนด์ (ร้อยละ 3.43) ตามลำดับ โดยประเทศไทยมีความได้เปรียบประเทศคู่แข่งในภูมิภาคพอสมควรเนื่องจากมีการทำกิจการประมงและแปรรูปอาหารทะเลขนาดใหญ่ภายในประเทศทำให้มีวัตถุดิบเหลือใช้ (Byproduct) จากการแปรรูปอาหารทะเลมากเพียงพอสำหรับสนับสนุนอุตสาหกรรมการผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงเพื่อสนับสนุนตลาดส่งออก โดยรวมจึงเห็นว่าตลาดส่งออกอาหารสัตว์เลี้ยงสหรัฐฯ ยังน่าจะเป็นตลาดส่งออกศักยภาพตามแนวโน้มการขยายตัวของตลาดสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ และน่าจะเป็นโอกาสสำหรับผู้ประกอบการไทยในการขยายตลาดส่งออกในอนาคต

ข้อคิดเห็น/ข้อเสนอแนะ: แม้ว่าประเทศไทยจะเป็นมีส่วนแบ่งการตลาดสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ สูงที่สุดในขณะนี้ก็ตาม หากผู้ประกอบไม่พิจารณาปรับตัวทางธุรกิจให้เข้ากับแนวโน้มความต้องการของผู้บริโภคในตลาดก็อาจจะส่งผลทำให้สูญเสียส่วนแบ่งตลาดได้ ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรที่จะศึกษาแนวโน้มตลาดและพฤติกรรมความต้องการของผู้บริโภคอย่างลึกซึ้งเพื่อนำไปใช้เป็นข้อมูลในการพัฒนาสินค้าให้ตรงกับความต้องการของตลาดในอนาคต โดยเฉพาะอย่างยิ่งแนวโน้มความนิยมบริโภคสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงประเภทอบแห้งด้วยความเย็นซึ่งใช้เทคโนโลยีการแปรรูปที่ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารและผลิตภัณฑ์ทางการเกษตรไทยมีความเชี่ยวชาญค่อนข้างสูงอยู่แล้ว อีกทั้ง สินค้าประเภทดังกล่าวยังมีน้ำหนักเบากินพื้นที่ระวางเรือในการขนส่งระหว่างประเทศไม่มากนัก จึงน่าจะสามารถช่วยลดอุปสรรคทางการค้าด้านค่าขนส่งสินค้าที่ปัจจุบันยังอยู่ในระดับสูงได้ด้วย

นอกจากนี้ แนวโน้มการขยายตัวของตลาดสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ ที่ยังคงมีแนวโน้มขยายตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องในอนาคตยังน่าจะเป็นโอกาสในการผลักดันการส่งออกสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงรายการอื่น ๆ จากไทยเพิ่มขึ้นด้วย เช่น เสื้อผ้าสัตว์เลี้ยง เบาะที่นอน สายจูง กรงเคลื่อนย้าย และแชมพูอาบน้ำ เป็นต้น ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยที่สนใจขยายตลาดส่งออกสินค้าสัตว์เลี้ยงในสหรัฐฯ จึงควรพิจารณาเข้าร่วมงานแสดงสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยง เช่น งานแสดงสินค้า Global Pet Expo ซึ่งจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีเพื่อสร้างโอกาสในการพบปะเจรจาการค้ากับพันธมิตรทางการในภูมิภาคด้วย 

ปัจจุบันนอกจากผู้บริโภคชาวอเมริกันจะเลือกซื้อสินค้าโดยพิจารณาจากปัจจัยด้านคุณภาพและราคาสินค้าแล้ว ผู้บริโภคในตลาดยังมักจะพิจารณาไปถึงปัจจัยด้านการความเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การรับผิดชอบต่อสังคมและแรงงาน แหล่งวัตถุดิบสินค้า หลักธรรมาภิบาล และความโปร่งใสในการดำเนินกิจการด้วย ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยจึงควรให้ความสำคัญกับปัจจัยดังกล่าวโดยเฉพาะปัจจัยด้านการใช้แรงงานทาสและแรงงานบังคับซึ่งเกี่ยวข้องโดยตรงกับอุตสาหกรรมการแปรรูปอาหารทะเลที่เป็นแหล่งวัตถุดิบหลักในการผลิตสินค้าอาหารสัตว์เลี้ยงซึ่งสหรัฐฯ จับตามองสถานการณ์ในประเทศไทยมาอย่างต่อเนื่องเพื่อไม่ให้ประเด็นดังกล่าวถูกนำไปใช้เป็นข้อกีดกันการนำเข้าสินค้าจากไทยในอนาคต

ที่มาข้อมูล : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ ไมอามี (มีนาคม 2565)
สำนักข่าว Pet Food Industry เรื่อง: “New Freeze-Dried Pet Foods Top Trend at Global Pet Expo”

_____________________________________________
Website : http://ditp-overseas.com
Facebook: https://www.facebook.com/ditpoverseas
Youtube : https://bit.ly/36fT76e

#DITP #OMD2 #สพต2