
รัฐบาลอียิปต์ลดค่าเงินของตนลงอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2565 เป็นต้นมา โดยปัจจุบัน 1 ดอลลาร์สหรัฐมีค่าเท่ากับ 30.65 ปอนด์อียิปต์ลดลงจาก 15.17 ปอนด์อียิปต์ ทำให้ปอนด์อียิปต์ถูกจัดเป็นสกุลเงินที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นอันดับที่ 6 ของโลก
ปัจจัยสำคัญของภาวะเงินเฟ้อของอียิปต์ที่พุ่งขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปี ส่วนหนึ่งเป็นผลจากความขัดแย้งระหว่างยูเครนและรัสเซีย ซึ่งเป็นซัพพลายเออร์ข้าวสาลีที่สำคัญของอียิปต์ โดยที่อียิปต์เป็นผู้นำเข้าข้าวสาลีรายใหญ่ที่สุดในโลก นอกจากนี้ IMF ยังได้อนุมัติเงินกู้ให้แก่รัฐบาลอียิปต์จำนวน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีเงื่อนไขที่ต้องปฏิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจและเปลี่ยนมาใช้อัตราแลกเปลี่ยนแบบลอยตัว ซึ่งอาจทำให้รัฐบาลอียิปต์ต้องพิจารณาปรับลดค่าเงินต่อไปในอนาคตอันใกล้
สถานการณ์ดังกล่าว ส่งผลให้อียิปต์ต้องนำเข้าสินค้าในราคาที่สูงขึ้น แต่มีความสามารถในการจ่ายหนี้ในสกุลเงินอื่น ๆ ลดลง และอาจทำให้ภาวะเงินเฟ้อภายในประเทศรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม การปรับลดค่าเงินปอนด์อียิปต์อาจเปิดโอกาสให้อียิปต์ส่งออกสินค้าของตนได้เพิ่มขึ้น ดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศ และกระตุ้นการท่องเที่ยว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐบาลอียิปต์ที่จะใช้โอกาสจากการปรับลดค่าเงินปอนด์อียิปต์ ควบคู่กับการปฏิรูปเศรษฐกิจและการบริหารจัดการเงินกู้จาก IMF จำนวน 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ให้มีประสิทธิภาพ เพื่อแก้ไขปัญหาวิกฤตเศรษฐกิจอียิปต์ครั้งนี้ให้กลับเข้าสู่ภาวะปกติ
ปัจจุบัน ปัญหาการขาดแคลนเงินตราต่างประเทศในระบบได้ส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการชำระเงินค่าสินค้านำเข้าจากทุกประเทศ รวมทั้งสินค้าไทย ทำให้มีสินค้าจำนวนมากตกค้างที่ท่าเรือ เนื่องจากยังไม่ได้รับการชำระเงิน ผู้ส่งออกไทยจึงอาจพิจารณาชะลอการส่งออกสินค้าไปยังอียิปต์ จนกว่าจะธนาคารกลางอียิปต์จะสามารถอนุมัติจ่ายเงินค่าสินค้านำเข้าได้ตามปกติ
ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไทยมีข้อสงสัย หรือข้อซักถาม สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศในต่างประเทศ ณ อียิปต์ รวมทั้งสามารถติดตามข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์ต่อการค้าที่ https://ditip-overseas.com
สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ อียิปต์