สืบเนื่องจากกรณีที่มีผู้บริโภคชาวออสเตรีียไปรับประทานอาหารที่ร้านอาหารไทยชื่อดังแห่งหนึ่งในกรุงเวียนนาเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา และปรากฏอาการซึ่งสันนิษฐานว่าเป็นอาการแพ้อาหาร ผู้บริโภครายดังกล่าวจึงได้ร้องไปยังหน่วยงานผู้ดูแลด้านสุขอนามัยของอาหารของกรุงเวียนนา (AGES) จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้เข้าทำการตรวจสอบเครื่องปรุงของอาหารที่ผู้บริโภครายนี้รับประทานทั้งหมดและตั้งข้อสงสัยว่าอาการผิดปกตินั้นอาจมีสาเหตุมาจากถั่วฝักยาวดิบของไทยซึ่งผสมอยู่ในส้มตำ ซึ่งโดยปกติในประเทศออสเตรียไม่นิยมรับประทานถั่วลักษณะเดียวกันนี้แบบดิบ จึงได้นำถั่วฝักยาวดิบกลับไปเพื่อทำการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์ และแจ้งต่อเจ้าของร้านให้ยุติการใช้ถั่วฝักยาวดิบเป็นส่วนผสมของอาหารเป็นการชั่วคราว จนกว่าจะรับทราบผลการตรวจสอบอย่างเป็นทางการ ล่าสุด เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2565 หน่วยงาน AGES ได้แจ้งผลการตรวจสอบในห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์มายังเจ้าของร้านอาหารโดยสรุปได้ว่าไม่พบว่าถั่วฝักยาวดิบของไทยก่ออันตรายตามข้อสันนิษฐานข้างต้น จึงทำให้ร้านอาหารยังคงสามารถจำหน่ายอาหารที่มีถั่วฝักยาวดิบเป็นส่วนประกอบต่อไปได้

ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นสำนักงานฯ          

ออสเตรียเป็นประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่มีความเข้มงวดกวดขันเรื่องสุขอนามัยและความปลอดภัยทางอาหารอย่างสูง ที่ผ่านมาพืชผักที่นำเข้าจากไทยหลายรายการถูกตรวจพบปัญหาและไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้ามาได้อีก กรณีที่เกิดขึ้นล่าสุดถือเป็นข่าวดีที่ไม่พบว่าถั่วฝักยาวดิบของไทยก่ออันตราย มิฉะนั้นจะส่งผลกระทบอย่างเป็นวงกว้างต่อวงการร้านอาหารไทยทั่วสหภาพยุโรป โดยเฉพาะเมนูส้มตำซึ่งเป็นเมนูยอดนิยม หากไม่สามารถใส่ถั่วฝักยาวดิบลงไปได้ นอกจากจะทำให้เสียอรรถรสแล้วยังลดความดั้งเดิมตามตำรับของอาหารชนิดนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงที่ผ่านมาถั่วฝักยาวเป็นสินค้าเฝ้าระวังการปนเปื้อนของยาฆ่าแมลง ซึ่งถูกจับตามมองเป็นพิเศษ ผู้ประกอบการจึงยังคงต้องรักษามาตรฐานอย่างเคร่งครัดเพื่อป้องกันมิให้ถั่วฝักยาวและผักสดชนิดอื่นๆ ถูกสั่งห้ามนำเข้าในอนาคต

ที่มาข้อมูล : สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ เวียนนา (มีนาคม 2565)

_____________________________________________
Website : http://ditp-overseas.com
Facebook: https://www.facebook.com/ditpoverseas
Youtube : https://bit.ly/36fT76e

#DITP #OMD2 #สพต2