ในปัจจุบัน รัฐบาลโรมาเนียกำลังประสบปัญหาขาดดุลงบประมาณอย่างหนักจากภาวะเงินเฟ้อโลกและสงครามในยูเครน ซึ่งระหว่างเดือน ม.ค. – พ.ค. 2565 ได้ขาดดุลงบประมาณไปแล้วถึง 2.09 หมื่นล้านเลย์ หรือ 1.6% ของ GDP ขาดดุลเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้วถึง 20% ทำให้ต้องดำเนินนโยบายรัดเข็มขัด ตัดงบประมาณหลายส่วน และดำเนินการปรับอัตราภาษีสรรพสามิตและมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้าและบริการต่างๆ ให้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 1 ม.ค. 2565 โดยสินค้าที่ได้รับผลกระทบได้แก่
1) ปรับปรุงโครงสร้างภาษีสรรพสามิตของบุหรี่
2) ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ที่เก็บจากสินค้าเครื่องดื่มที่มีรสหวาน หรือภาษีน้ำตาล จาก 9% เป็น 19% เท่ากับอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับสินค้า/ บริการทั่วไปในโรมาเนีย
3) ปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มสำหรับกลุ่มธุรกิจ HoReCa เช่น โรงแรม ร้านอาหาร คาเฟ่ และธุรกิจจัดเลี้ยงจาก 5% เป็น 9%
ผู้ส่งออกไทยที่ส่งออกสินค้าไปยังโรมาเนีย โดยเฉพาะสินค้าเครื่องดื่มที่ผสมน้ำตาล และผู้ประกอบการไทยที่ดำเนินธุรกิจในโรมาเนียโดยเฉพาะธุรกิจ HoReCa ควรติดตามสถานการณ์การบังคับใช้กฎหมายและอัตราภาษีใหม่อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินผลกระทบต่างๆที่อาจเกิดขึ้น และกำลังซื้อของผู้บริโภคชาวโรมาเนียอาจจะลดลงตามภาวะเศรษฐกิจและเงินเฟ้อ ทำให้ส่งผลกระทบต่อปริมาณการนำเข้าสินค้าได้
ที่มาข้อมูล: ข่าวเด่นประจำสัปดาห์ สำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ กรุงบูดาเปสต์ (18-22 กรกฎาคม 2565)